โค้ชโย่ง วรวุฒิ ศรีมะฆะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หวังคนไทยให้โอกาสอดีตมือกาวดาวรุ่งชลบุรีในอนาคต ชี้มีดีมากพอถึงทีมชาติชุดใหญ่
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ วรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตูดาวรุ่งทีมชาติไทย และชลบุรี เอฟซี เมาแล้วขับจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 26 ต.ค. ก่อนที่ต่อมาทางสโมสรชลบุรี ได้ประกาศยกเลิกสัญญากับ วรวุฒิ สุขุนา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดเมื่อ 27 ต.ค. รายการเรื่องใหญ่วันนี้ ทางช่อง 36 ได้เชิญ “โค้ชโย่ง”วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นไม่เกิน 23 ปี และปัจจุบันรับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี ทีมในไทยลีก 2 ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรื่องดังกล่าว
โดยอดีตกองหน้าทีมชาติไทย กล่าวในรายการว่า “ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นเพราะความประมาท และเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับนักกีฬา”
“เรื่องแบบนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับนักกีฬา แต่คำว่านักกีฬาอาชีพในทุกวันนี้หมายถึงการเก็บตัวคงไม่ใช่ ซ้อมบอลเสร็จต้องกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว เพียงแค่ต้องดูแลตัวเอง โดยทุกวันนี้นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่นักเตะชลบุรีอาจจะยังมาหลงผิดอยู่บ้าง”
“ที่สำคัญทุกวันนี้โลกโซเชียลนั้นสืบค้นได้เร็วมาก ผมว่าถ้าสัก 10 ปีที่แล้วป่านนี้คงยังไม่มีใครรู้ ดังนั้นผมไม่สนับสนุนให้ทำแบบนี้ ผมยืนยันว่าทุกคนมีสิทธิ์ดื่มกินได้ แม้กระทั่งผมหรือใครก็ตาม แต่คุณต้องดูระยะเวลา ดูสถานที่ ดูความเหมาะสม เรื่องแบบนี้ห้ามไม่ได้ เพราะเราอยู่กับนักเตะแค่ในสนามฝึกซ้อมและช่วงแข็งขัน หลังจากนั้นพวกเขาคือคนทั่วไป ดังนั้นการตัดสินใจจะทำอะไรต้องขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
“ผมมองว่าเรื่องพวกนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุนั่นคือตัวนักฟุตบอล ทุกวันนี้รายได้ของนักเตะเยอะขึ้น จึงขึ้นอยู่ที่ใจคน บางคนมีรายได้เยอะเก็บหอมรอมริบ แต่กับบางคนกลับต้องการสิ่งเร้าให้กับตัวเองมากขึ้นเพราะมีเงินจ่ายมาก”
“แม้เมืองนอกจะมีฟุตบอลอาชีพมาก่อนไทยนานมากแล้วยังมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็น แต่สำหรับฟุตบอลไทยผมว่าในกรณีนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างได้ เพราะการโดนยกเลิกสัญญาคือคุณถูกไล่ออกจากบริษัท ไม่ว่าหลังจากกระบวนทางกฎหมายสิ้นสุด นักเตะคนนี้จะกลับมาแบบไหน หรือสโมสรใดจะให้โอกาส ที่สำคัญคือสังคมตรงนี้สำคัญมากว่าเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป”
“เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้เข้าข้างนักเตะ เพียงแค่อยากให้คิดอีกอย่างคือเอาแค่ชนคนตายไม่ต้องถึงขนาดเมาผมเชื่อว่าคนนั้นคงหลอน แล้วลองคิดดูว่านักเตะคนนี้เป็นเด็กด้วยเมาด้วยเขาจะจิตใจย่ำแย่ขนาดไหน ส่วนจะกลับมาได้หรือเปล่านั้นผมว่าอยู่ที่ตัวของวรวุฒิเองว่าจะทำได้หรือเปล่า ในส่วนของกลไกทางสัมคมนั้น ผมมองว่าสังคมไทยพร้อมให้โอกาสกับคนที่กลับตัวกลับใจได้”
“ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการที่ทีมชาติไทยผลงานย่ำแย่ไหม ผมมองว่าเป็นคนละส่วนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขณะที่ทีมชาติไทยผลงานแย่นั้นอาจมีปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน แต่ที่ส่งผลชัดเจนการประพฤติตัวนักฟุตบอลซึ่งเราได้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐาน และผมเชื่อว่ามีนักเตะหลายคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้อยู่เพียงแค่ไม่เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้เท่านั้ ดังนั้นคนพวกนี้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง”
“โดยปกติแล้วนักฟุตบอลสามารถดื่มได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหลังจากจบซีซั่นไปเลยอาจจะเป็นการเฉลิมฉลองหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ที่สำคัญเลยคือเรื่องขับรถต้องห้ามเด็ดขาด บางสโมสรต้องเปิดโรงแรมให้นอนพักตอนเช้าค่อยแยกย้าย ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่เฉพาะแค่กีฬาฟุตบอลต้องทำในทุกชนิดกีฬา”
“ยกตัวอย่างตัวผมเอง เมื่อก่อนผมก็มีแต่ต้องยอมรับว่าฟุตบอลเมื่อก่อนไม่ใช่อาชีพมากขนาดเท่าปัจจุบันนี้ที่เล่นกันรวดเร็วถ้าสมองหรือร่างกายล้าไม่ได้พักผ่อนถ้าลงไปเล่นทุกคนจะรู้ได้ว่าไม่ใช่ แฟนบอลดูออก”
“ผมคิดว่าเมื่อกระแสเกี่ยวกับเรื่องนี้เบาบางลงต้องมีแน่นอนกับการที่นักกีฬาไปดื่มไปเมา ดังนั้นผมอยากใช้คำว่าถ้าคุณเป็นนักกีฬาอาชีพคุณต้องรู้ตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ”
“สำหรับแบงค์ (วรวุฒิ สุขุนา) ผมเคยเรียกมาติดทีมชาติไทย และผมคิดว่าเป็นนักเตะที่ดี 1 ใน 5 ของตำแหน่งผู้รักษาประตูในรุ่นนี้ เขากำลังไปได้ดีในอาชีพฟุตบอลได้ลงต่อเนื่อง ทำผลงานได้ดี และที่สำคัญเป็นเด็กนิสัยดี แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าสังคมประณามแน่นอน”
“หลังจากนี้ไปถ้าเขากลับตัวได้ ผมว่าเราต้องให้โอกาส หลายคนคดีแรงกว่านี้ ไม่ว่าจะ ยาเสพติด ข่มขืน ซึ่งคดีเหล่านี้คนทำผิดจงใจทำผิดยังเดินลอยหน้าอยู่ในสังคมได้เลย ส่วนแบงค์จะกลับมาติดทีมชาติได้ไหมผมคงไม่กล้าฟันธงแค่วันนี้ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้ก่อน ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสังคมไทยด้วย แต่ด้วยฝีมือแล้วผมมองว่าเขาจะเป็นนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ในอนาคตแน่นอน”
