ทีมชาติอังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ได้ตามคาด หลังจากถล่ม เซเนกัล 3-0 โดยที่รูปเกมช่วงแรกนั้นน่าจะเป็น เซเนกัล ที่ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
เกมช่วงแรกค่อนข้างอึดอัดทีเดียว แม้อังกฤษ จะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า โดยใช้ หน้าเป้าอย่าง แฮร์รี เคน ลงมารับบอลต่ำ แล้วให้ บูกาโย ซากา สอดเข้าไปในเขตโทษ แต่ก็ดูเหมือนจะยังทำอะไรไม่ได้ถนัดถนี่นัก ขณะที่ เซเนกัล แม้จะเก็บบอลไว้กับตัวน้อย แต่เมื่อได้บอล ก็จะโจมตีทันที โดยใช้ความเร็ว และความสามารถ อิสไมลาร์ ซาร์ ปั่นป่วนแนวรับอังกฤษ ซึ่งก็เห็นผลอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะกับ ไคล์ วอล์กเกอร์ ที่หมดปัญญาจะสกัดจนโดนใบเหลืองไปตั้งแต่นาที 36
อย่างไรก็ตามการเล่นดีไม่ได้ช่วยให้ชนะ ฟุตบอลวัดกันที่ความเด็ดขาด และประตู ซึ่งในจุดนี้อังกฤษ เหนือกว่า เซเนกัล อย่างเห็นได้ชัด โดย นาที 38 แฮร์รี เคน ที่ลงมาล้วงบอล จ่ายทะลุให้ จูด เบลลิงแฮม หลุดไปทางกราบซ้าย ก่อนปาดมาหน้าประตูให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงเข้าไปให้ อังกฤษ ออกนำ 1-0 ซึ่งจังหวะนี้ เป็นเพียงโอกาสยิงครั้งที่ 2 ของอังกฤษเท่านั้น
หลังจากเสียประตู สมาธิของ เซเนกัล ก็กระเจิงไปด้วย พวกเขารีบร้อน รีบเล่นจนขาดความแน่นอน ทำให้โดน อังกฤษ ดักกินแย่งบอลมาครอง และสวนกลับเร็วหลายครั้ง เป็นผลให้ นาที 45+3 มาโดน แฮร์รี เคน ลงโทษ ซัดประตูให้ อังกฤษ ออกนำ 2-0 ซึ่งจังหวะนี้จริงๆต้องชม จูด เบลลิงแฮม อีกแล้ว ที่พาบอลมาตั้งแต่แดนตัวเอง ก่อนเรียกตัวประกบ และหลบผู้เล่นเซเนกัล ทำให้ ฟิล โฟเดน และ แฮร์รี เคน อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ และไม่มีตัวประกบ
ครึ่งหลัง เซเนกัล แก้เกมเร็วโดยส่ง ปาป มาตาร์ ซาร์, บ็องบา เดียง และ ปาป เกย์ ลงมาในสนาม แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปเกมให้ดีขึ้นแต่อย่างใด แม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายบุกแต่ก็ยังขาดความแน่นอน กลับเป็นอังกฤษ ที่ได้สวนกลับ และใส่สกอร์เพิ่มได้อีกจาก ช่องโหว่เซเนกัล ที่หลังลอย และไม่มีใครประกบ ซากา ที่สอดขึ้นมายิง
ช่วงเวลาที่เหลือ อังกฤษ แทบไม่ต้องรีบบุก หรือเล่นอะไรที่สุ่มเสี่ยง ขณะที่ก็ค่อยๆส่งสำรองอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, แจ๊ก กรีลิช, คัลวิน ฟิลลิปส์, เมสัน เมาต์ ลงมายืดเส้นยืดสาย พลางประคองเกมให้จบ 90 นาที เข้าสู่รอบสุดท้ายไปแบบ ไม่ยากเย็นหนัก ทั้งที่ช่วง 30 นาทีแรก ภาพแฟนบอลในสนามยังตึงเครียด กัดเล็บกัดปาก กันอยู่เลย ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพราะชั่วโมงบิน และความเด็ดขาด ที่อังกฤษ มีมากกว่า เซเนกัล นั่นเอง
