การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่อัล บายต์ สเตเดียม เมื่อคืนวันที่ 10 ธันวาคม รอบ 8 ทีมสุดท้าย อังกฤษ ลงสนามพบ ฝรั่งเศส
โดยในรอบที่ผ่านมา อังกฤษ เอาชนะ กานา 3-0 ส่วนฝรั่งเศส ชนะ 3-1 ขณะที่สถิติการพบกันในฟุตบอลโลก 2 ครั้งเป็นอังกฤษ ที่ชนะได้ทั้ง 2 ครั้ง
เกมนี้อังกฤษ มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี แม็กไกวร์, ลุก ชอว์ : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดแคลน ไรซ์, จูด เบลลิงแฮม : บูคาโย ซากา, แฮร์รี เคน, ฟิล โฟเดน
ส่วน ฝรั่งเศส มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย อูโก โยริส : ฌูลส์ คุนเด, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, เธโอ แอร์กน็องเดซ : ออเรเลียง ชูอาเมนี, อาเดรียง ราบิโอต์ : อุสมาน เดมเบเล, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป : โอลิวิเยร์ ชิรูด์
เริ่มเกมทั้งสองทีมผลัดกันรุกรับอย่างสนุก จนนาที 17 ฝรั่งเศสที่ได้โอกาสพาบอลสวนกลับขึ้นโดย คีลิยัน เอ็มบัปเป ก่อนที่จะจ่ายให้ อองตวน กรีซมันน์ ต่อถึง ออเรเลียง ชูอาเมนี ที่ตัดสิใจซัดไกลบริเวณหน้ากรอบ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงามให้ ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 1-0
หลังเสียประตูอังกฤษ พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นหวังทวงประตูคืน แต่ก็ยังไม่เฉียบคมพอทำให้จบครึ่งแรก ฝรั่งเศส ขึ้นนำ อังกฤษ 1-0
ครึ่งหลังอังกฤษ ยังพยายามบุกทวงประตูคืน จนนาที 54 บูคาโย ซากา ไปโดย ออเรเลียง ชูอาเมนี ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจัดโทษ ก่อนที่ แฮร์รี เคน จะเป็นผู้รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ อังกฤษ ตามตีเสมอ 1-1
หลังสกอร์กลับมาเท่ากันเกมกลับมาสนุกสูสีมากขึ้น นาที 77 อุสมาน เดมเบเล โหม่งชงให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้แปหน้าประตูเน้นๆ แต่ จอร์แดน พิกฟอร์ด ยังโชว์ความยอดเยี่ยมเซฟไว้ได้ อย่างไรก็ดีจากจังหวะต่อเนื่องนาที 78 ฝรั่งเศส ได้ลูกเตะมุมจังหวะแรกอังกฤษ เคลียร์ได้ บอลออกมาถึง อองตวน กรีซมันน์ เปิดกลับเข้าไปในกรอบอีกครั้ง คราวนี้เป็น โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่โฉบเข้าไปโหม่งแฉลบ แฮร์รี แม็กไกวร์ เข้าไปตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
จากนั้น อังกฤษ ที่กลับมาตามหลังจำเป็นต้องโหมบุกหนัก นาที 84 เมสัน เมาต์ ตัวสำรองไปโดน เธโอ แอร์กน็องเดซ กระแทกล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ ให้เป็นจุดโทษลูกที่สองของอังกฤษทันที แต่รอบนี้ แฮร์รี เคน กลับซัดเหินข้ามคาน ทำให้ ฝรั่งเศส ยังคงนำอังกฤษอยู่ที่ 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือ อังกฤษ พยายามโหมบุกหนัก แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดพอ ทำให้จบ 90 นาที ฝรั่งเศส ชนะ อังกฤษ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบ โมร็อกโก
