“ตะหานน้ำ” หรือสโมสรฟุตบอลราชนาวี ถือเป็นทีมเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวงการลูกหนังไทยมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งเมื่อ 10 ม.ค.2499 ในชื่อสโมสรฟุตบอลทหารเรือ จากนั้นในปี 2552 ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นสโมสรฟุตบอลราชนาวีระยอง กระทั่งวงการฟุตบอลไทยมีการปฏิรูปให้ทุกทีมที่เข้าร่วมต้องจดทะเบียนในรูปบริษัทจำกัดไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงานรัฐ ดังนั้นในปี 2554 ทัพตะหานน้ำจึงเปลี่ยนชื่ออีกครั้งโดยใช้ชื่อว่าสโมสรฟุตบอลราชนาวีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและใช้รังเหย้าที่สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ

สโมสรฟุตบอลอันเก่าแก่แห่งนี้เดินบนสร้างลูกหนังมาอย่างยาวนานผ่านความสำเร็จและผิดหวังมาก เคยก้าวถึงตำแหน่งแชมป์ถ้วยพระราชทาน “ควีนส์คัพ” ครั้งที่ 32 เมื่อปี 2549 กระทั่งจำต้องตั้งบริษัทในนามเอกชนของบ.สยามนาวี ลีก คลับ เมื่อปี 2554 เส้นทางของราชนาวียังลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นชั้น ตกชั้น สลับกันมาอย่างต่อเนื่องกระทั่งเมื่อปี 2558 (ค.ศ.2015) ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดจนถึงปัจจุบันนับเป็นฤดูกาลที่ 4 แล้วที่เล่นไทยลีกติดต่อกัน

เมื่อฤดูกาล 2017 เป็นอีกปีที่ราชนาวีต้องพบกับความเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากทรัพยากรณ์ด้านลูกหนังอาจจะมีชื่อเสียงไม่เทียบเท่ากับทีมอื่น ประกอบกับระบบทุนหนาของหลายสโมสรทุ่มเงินจ้างนักเตะระดับแนวหน้าไปจนหมดทำให้ช่วงเลกแรกราชนาวีต้องหล่นมาอยู่ท้ายตารางก่อนบอร์ดบริหารตัดสินใจปลด สเตฟาโน่ คูกูร์ร่า ออกจากจำแหน่งกุนซือใหญ่พร้อมกับตั้ง “น้าฉ่วย”สมชาย ชวยบุญชุม เข้ามากู้สถานการณ์ และไม่สร้างความผิดหวังเมื่อขุนพลลูกประดู่จบฤดูกาลด้วยอันดับ 13 ของตารางคะแนนรอดตกชั้นแบบสบายๆ ไม่ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้าย

สำหรับปีนี้อย่างที่ทราบดีว่าไทยลีกจะปรับตกชั้น 5 ทีมการแข่งขันจะเข้มข้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า เป็นโจทย์ที่ พลเรือเอก รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ในฐานะประธานสโมสรรวมถึงผู้บริหารท่านอื่นต้องช่วยกันขบคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทีมผ่านพ้นซีซั่นที่แสนหฤโหดนี้ไปอย่างอยู่รอดปลอดภัย

ปลายซีซั่นที่ผ่านมาราชนาวีมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน่าตกใจเมื่อ “น้าฉ่วย” ที่พาทีมรอดตกชั้นยืนยันเองว่าขอยกเลิกสัญญา ขณะที่ “ตะหานน้ำ” ประกาศตั้ง “โค้ชมะ”วิริยะ เผ่าพันธุ์ ลูกหม้อของทีมขึ้นเป็นโค้ชใหม่ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ยินชื่อแต่ พลเรือเอกรังสฤษดิ์ ยืนยันโค้ชคนนี้มีของ!! ด้วยดีกรีระดับเอไลเซนส์ ที่สำคัญอยู่กับทีมมานานนับ 10 ปีคุ้นเคยกับนักเตะ สไตล์การเล่น รูปแบบการบริหารของทีมเป็นอย่างดี ที่สำคัญโค้ชทุกคนที่เข้ามาทำทีมล้วนต้องขอคำปรึกษาจากกุนซือชื่อไทยๆ คนนี้ทั้งนั้น

“ตอนนี้นักเตะตัวหลักของเราอย่าง โรดริโก เวอร์จิลิโอ และ วิคเตอร์ จูเนียร์ รวมถึง ปัง ซึง ฮวาน ยังอยู่กับทีมนอกจากนี้ยังมีนักเตะต่างชาติอีก 2 คน ถือว่าเราไม่ได้เสียหายเรื่องนักเตะนัก เพราะตัวหลักๆ ของปีที่แล้วยังอยู่เกือบทั้งหมด ซึ่งผมมองว่าขุมกำลังของเราไม่ได้ด้อยกว่าทีมอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน และการที่เราเปลี่ยนโค้ชไม่คิดว่าส่งผลกระทบอะไรเนื่องจากโค้ชคนปัจจุบันรู้ดีว่าต้องจัดการอย่างไรเพื่อให้ทีมเดินสู่เป้าหมายที่กำหนด”

“การอุ่นเครื่องเตรียมทีมที่ผ่านมาหลายคนอาจมองว่าเรายังผลงานไม่ดีจะส่งผลต่อการแข่งขันจริงหรือไม่ ตรงนี้ผมไม่กังวลเลยเพราะเรากับโค้ชคุยกันแล้วได้แนวทางแบบเดียวกัน นั่นคือการต้องการเห็นผู้เล่นสามารถทำงานตามที่โค้ชต้องการ เมื่อเห็นว่านักเตะทำได้เราจะส่งรายอื่นๆ ลงไปเล่นแทนเพื่อทดสอบว่าทำได้ดีมากน้อยเพียงใดดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผลการแข่งขันอาจออกมาไม่ดีเท่าไหร่”

“ที่ผ่านมาทั้งเซียนและสื่อต่างกาหัวว่าราชนาวีคงไม่รอดตกชั้นในปีนี้ แต่หากย้อนดูจะเห็นว่าเราอยู่บนลีกสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง และปีนี้เราคงไม่ตอบโต้กับคำวิจารณ์เหล่านี้ปล่อยให้ผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวมันเองดีกว่า แต่ถ้าถามผมผมบอกได้คำเดียวว่าเรื่องตกชั้นไม่ได้อยู่ในความคิด ความรู้สึกของผมและทีมงานทุกคนแม้แต่น้อย” นายใหญ่ตะหานน้ำ กล่าวอย่างมั่นใจ

ราชนาวีมีโปรแกรมนัดแรกด้วยการเปิดบ้านที่สนามราชนาวี สัตหีบ รับการมาเยือนของ “เทพอินทรี”อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด วันที่ 11 ก.พ. เวลา 18.00 น. เป็นการพบกันถูกที่ถูกเวลาเนื่องจากทีมเยือนเองมีการเปลี่ยนแปลงแทบยกทีมจะยังรักษาฟอร์มเดิมของตัวเองได้หรือไม่ ขณะที่ราชนาวีเองมีจุดแกร่งอยู่ที่การเล่นในบ้านที่น้อยทีมจะมาแต้มกลับออกไปต้องตามลุ้นว่าสุดท้ายแล้วทีมใดจะสมหวัง

บทสรุปของราชนาวีในไทยลีก 2018 เหลือเวลาอีกนานให้รอชม และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเชื่อว่าเหล่าบรรดาลูกประดูจะพร้อมสนับสนุน ให้กำลังใจตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาบนลีกสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะนี่คือความภูมิใจของชาวทหารเรือ

“Pride Of Navy”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน