จบลงไปแล้วกับชัยชนะของฝรั่งเศส ที่ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนตินา ได้ตามนัด หลังเอาชนะ ม้ามืดอย่าง โมร็อกโก 1-0 ในเกมที่ต้องบอกว่า โมร็อกโก ไม่สามารถเล่นในรูปแบบที่เขาถนัดได้
เกมนี้ฝรั่งเศส มาในระบบเก่ง 4-3-3 แนวรุก 3 ประสานเช่นเดิม อุสมาน เดมเบเล, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป โดยมี อองตวน กรีซมันน์ คอยทำเกม ส่วนโมร็อกโก มาจ้องจะเล่นตามสูตรเกมรับที่ใช้ปราบทีมใหญ่ๆอย่าง เบลเยียม ญี่ปุ่น สเปน โปรตุเกส ในรอบก่อนหน้านี้ โดยวางกองหลังไว้ 5 คนแต่วันนี้กลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อเกมรับเสียสมาธิกันนิดเดียว เป็นเหตุให้โดนยิงประตูเร็ว ตั้งแต่ 5 นาทีแรก
ที่ผ่านมาในฟุตบอลโลก ครั้งนี้ โมร็อกโก ไม่เคยตกเป็นฝ่ายตามหลังทีมใดมาก่อนเลย ทำให้พวกเขาสามารถเล่นเกมที่ถนัด เจียมตัวเองเป็นบอลรอง คอยสวนกลับแม่นๆ สักโป้ง สองโป้ง ดับคู่แข่งมาโดยตลอด แต่เมื่อโดนนำเร็วทำให้พวกเขาไม่สามารถเล่นในเกมที่ทำได้ดีมาตลอดได้
โมร็อกโก อยู่ในสถานการณ์ที่บังคับบุก แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะริมเส้นทั้งสองฝั่งอย่าง ฮาคิม ซิเยช และ โซฟียาน บูฟาล รวมถึงลูกตั้งเตะก็อันตรายเกือบทุกจังหวะ อย่างไรก็ตามการเปิดเกมบุกก็เท่ากับว่า เกมรับอ่อนลงไป เป็นโอกาสให้ ฝรั่งเศส ที่คอยหาโอกาสสวนกลับเร็วอยู่แล้วมีโอกาสลุ้นประตูเพิ่ม 2-3 จังหวะ แต่สุดท้ายยังไม่เฉียบขาดพอ จบครึ่งแรก ยังนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังโมร็อกโก ลงมาขึงเกมบุกใส่ฝรั่งเศสทันที และต้องชื่นชมกับบอลตามช่องของโมร็อกโกจริงๆ ที่สร้างโอกาสได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง แต่ปัญหาของโมร็อกโก ที่แสดงให้เห็นมาตลอดคือจังหวะสุดท้ายที่ไม่ค่อยเฉียบคมเท่าไหร่นัก
กระทั่งช่วงนาที 65 ฝรั่งเศส ส่ง มาร์คัส ตูราม ที่รูปร่างสูงใหญ่ลงมาประจำฝั่งซ้าย แล้วขยับ เอ็มบัปเป ไปยืนหน้าเป้าแทน ทำให้ ฮาคิมี ซึ่งรูปร่างเล็กกว่าเสียเปรียบ และผู้เล่นอีกคนของฝรั่งเศสที่ต้องชื่นชมคือ อองตวน กรีซมันน์ ที่สามารถเก็บบอล และเรียกฟาวล์ได้ตลอด ทำให้เกมของ โมร็อกโก ต้องชะงักไปด้วย สุดท้ายแล้วด้วยเกมสวนกลับของ ฝรั่งเศส ที่มีผู้เล่นความเร็วจัดมากมาย รวมถึงความยอดเยี่ยมของ เอ็มบัปเป ก็ช่วยให้ทีมพังประตูที่ 2 จากตัวสำรองอย่าง ร็องดัล โคโล มูอานี
ทั้งนี้จากประตูทั้งสองลูกของฝรั่งเศส ก็ถือมีโชคเล็กๆด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นจังหวะยิงครั้งแรกนั้นถูกผู้เล่นโมร็อกโก สกัดไว้ได้แล้วเพียงแต่ยังไปเข้าทางผู้เล่นของฝรั่งเศส ได้ยิงโล่งๆทั้งนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ถือเป็นการปิดกล่องส่งฝรั่งเศส เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
