แมตช์ชิง อันดับ 3 โครเอเชียกับโมร็อกโกเพลาเรื่องแทคติก แล้วหันมาบุกมากขึ้น ผลแพ้ชนะตัดสินจากความต่างเล็กน้อย นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีประเด็นอนาคตที่น่าสนใจ

ในแมตช์ชิง อันดับ 3 ทั้งโครเอเชียและโมร็อกโกต่างมีการหมุนเวียนผู้เล่นหลายตำแหน่ง แถมรูปเกมก็ไม่ได้เน้นเรื่องแทคติกอะไรมาก ต่างฝ่ายต่างเดินเกมรุกชัดเจนกว่าแมตช์อื่นที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เป็นฝั่งโมร็อกโกที่สตาร์ตได้แย่และดูเหมือนไม่ค่อยมีสมาธินัก แนวรับค่อนข้างหละหลวมกว่าที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และเสียประตูแรกของเกมแบบง่ายเกินคาด

แม้โมร็อกโกจะตีเสมอได้เร็วและควรจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นจุดเปลี่ยน แต่กลายเป็นว่าเกมรับของทีมก็ยังไม่มีสมาธิเท่าไหร่เช่นเดิม ยัสซิน โบโน ต้องออกแรงเซฟพอสมควร ก่อนจะพลาดเปิดช่องให้โครเอเชียได้ยิงขึ้นนำอีกครั้ง

ครึ่งหลังโมร็อกโกเริ่มกลับคืนสู่ฟอร์มเก่ง วิ่งไล่บีบพื้นที่ได้ดีและมีจังหวะบุกสวยๆ ทำเอาโครเอเชียออกอาการลำบากในการตั้งรับอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริงแล้วโมร็อกโกก็แทบไม่ได้จบด้วยการยิงเหน่งๆ ในจังหวะบุก เพราะแนวรับโครเอเชียก็ตามมาป้องกันทันหมด สะท้อนให้เห็นถึงลูกเก๋าและสมาธิในเกมที่ต่างกันของ 2 ทีมนี้ ก่อนจะจบด้วยชัยชนะของโครเอเชียจนได้

แมตช์นี้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีการเปลี่ยนตัวนักเตะเพราะบาดเจ็บหลายราย แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ต้องผ่านศึกกันมาหนักขนาดไหนกว่าจะก้าวถึงจุดนี้ ซึ่งต้องยอมรับในหัวจิตหัวใจของผู้เล่นทุกคนจริงๆ

สำหรับอนาคตของแต่ละทีม โครเอเชียนั้นใช้เวลาผลัดใบมาพักใหญ่ และหลังจากนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกระลอก โดยเฉพาะในส่วนของกองกลางตัวเก๋า ลูกา โมดริช คงถึงเวลาเกษียณ และคาดว่าจะมีคนอื่นที่ขอปลดระวางตัวเองด้วยเช่นกัน

แม้กระนั้น นักเตะสายเลือดใหม่บางรายก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น อาทิ โดมินิก ลิวาโควิช และยอสโก กวาร์ดิโอล ซึ่งนักเตะเหล่านี้จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักยุคต่อไป ส่วนตัวเก๋าบางรายก็ยังพอจะอยู่ประคองทีมต่อได้อีกสักระยะ

เมื่อบวกกับฝีมือของ ซลัตโก ดาลิช ที่ฟูมฟักทีมชาติมานานจนสร้างระบบที่ค่อนข้างเสถียรให้ทีมได้แล้ว โครเอเชียจึงน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ดี แม้ในระยะสั้นนี้อาจเผชิญความลำบากอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าขอเวลาสักหน่อยทีมก็จะตั้งหลักอย่างมั่นคง

ส่วนโมร็อกโกนั้นต้องบอกว่าตัดสินใจถูกที่ปลด วาฮิด ฮาลิลฮอดชิช แล้วแต่งตั้ง วาลิด เรกรากี เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ไม่นาน เพราะนอกจากจะทำให้ ฮาคิม ซิเยช กลับสู่ทีมชาติอีกครั้งแล้ว เรกรากียังสร้างสปิริตที่แข็งแกร่งให้ทีมได้ด้วย

หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือที่แท้จริงของเรกรากี ว่ากุนซือรายนี้จะดีพอในการนำโมร็อกโกทะยานสูงแบบต่อเนื่องหรือไม่ แต่อย่างน้อยเรกรากีก็เริ่มต้นงานอย่างสวยหรูและครองหัวใจเหล่านักเตะสำเร็จแล้ว อยู่ที่ว่าจะสานต่ออย่างไรเท่านั้น

นอกจากนี้ โมร็อกโกเองก็ถือเป็นทีมพลังหนุ่ม ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อามัลลาห์, อาซเซดีน โอนาฮี, อับเดลฮามิด ซาบิรี, อัชราฟ ฮาคิมี, นุสแซร์ มาสราอุย, นาเยฟ อาเกิร์ด ล้วนแต่มีอายุการใช้งานอีกหลายปี

ขอแค่นักเตะเหล่านี้มีพัฒนาการต่อไปอย่าได้สะดุดหรือหล่นหาย บวกกับปั้นนักเตะสายเลือดใหม่ขึ้นมาเสริมบ้าง ไม่แน่ว่าโมร็อกโกอาจทำได้ถึงขั้นก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แห่งทวีปแอฟริกาอย่างเต็มตัว รวมถึงเป็นที่จับตาอย่างจริงจังของทีมอื่นทั่วโลกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน