บังยี-เดอะตุ๊ก วรวีร์ และ ปิยะพงษ์เปิดนโยบายชิงนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ปักธงพาฟุตบอลไทย ไปลุยฟุตบอลโลก

“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าระดับตำนานทีมชาติไทย ประกาศจุดยืนท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ซึ่งตามข้อบังคับต้องจัดประชุมไม่เกิน 3 เดือนหลัง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ครบวาระบริหารงานเดือนกุมภาพันธ์ 2567

โดยระหว่างร่วมงานเลี้ยงสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ร้านอาหารนาทอง เมื่อเร็วๆ นี้ “บังยี” นายวรวีร์ เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 5-7 ปีที่ผ่านมา วงการฟุตบอลไทยถอยหลัง เราไม่ได้เดินไปข้างหน้า สมัยของตัวเองเป็นนายกสมาคมฯ เราสร้างฟุตบอลอาชีพขึ้นมา จนพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนยอมรับปล่อยให้ลูกหลานไปเล่นฟุตบอลเพื่อเป็นอาชีพได้แล้ว เราสร้างขึ้นมาได้แล้ว แต่ตอนนี้ต้องบอกว่ามันตกต่ำ ล้มเหลวในทีมชาติไทย ถ้าตนกลับเข้ามาต้องย้อนถามกลับไปว่า ตนเป็นคนตั้งมากับมือเรื่องเงินอุดหนุนสโมสรต่างๆ ทีมละ 20 ล้าน ซึ่งตนทิ้งมรดกไว้ให้คนที่ทำงานปัจจุบัน ถ้าได้กลับเข้ามาเงื่อนไขเดิมคือปีละ 20 ล้านก็ต้องกลับมามอบให้ทุกสโมสร ไม่ใช่ลดลงไปเรื่อยๆ ไม่เข้าใจว่าผู้บริหารชุดปัจจุบันทำไมไม่แก้ปัญหาปล่อยให้ทำร้ายจิตใจแฟนบอลทำไม

“ผมพูดเลยว่า ถ้ามีใครที่เหมาะสมเข้ามาร่วมมือกัน มาคุยกัน ผมอยู่ข้างหลังได้ ผมดีใจที่เห็นตุ๊ก (ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน) เข้ามาแล้วคนหนึ่ง เพราะเราเป็นนักฟุตบอล เราจะปล่อยให้ฟุตบอลมันตกต่ำแบบนี้ไม่ได้ หลังจากผมประกาศว่าผมจะกลับมา สโมสรต่างๆ โทรมาหา โทรมาเรียกร้องเรื่องนั้น เรื่องนี้ จริงๆ ผมไม่ได้อยากกลับมาถ้ามันดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว อยู่ที่สโมสรสมาชิกเป็นผู้ตัดสินในการเลือกนายกสมาคม เขาอยากให้คนแบบไหนมาเป็นนายกสมาคม ส่วนเรื่องอายุที่ข้อขังคับของสมาคมระบุว่าห้ามเกิน 70 แต่ตอนนี้ผม 72 นั้น ผมจะยื่นขอคุ้มครองจากศาลเพราะข้อบังคับดังกล่าวไม่เป็นธรรมเป็นการกีดกัน เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม” บังยีกล่าว

ขณะที่ “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เปิดเผยว่า เป้าหมายหลักจะพาทัพ “ช้างศึก” ไปลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้ได้ใน 4 ปี งานเล็กๆ คนอื่นเขาทำไปหมดแล้ว ตนขอวางเป้าหมายใหญ่ๆ เลย ต้องบอกว่าฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง คิดว่ายากไหม อาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่ไม่ยากสำหรับตน เราจะพยายามทำ ส่วนแผนงานโครงสร้างต้องทำโดยวัฒนธรรมของฟุตบอลจริงๆ ซึ่งตนดูต้นแบบมาจากทั้งญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ ที่เอาคนรู้เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลเข้ามาบริหารงาน และการวางรากฐานให้แก่เด็กๆ ตั้งแต่อายุ 8-12 ปี ให้เล่นฟุตบอลกับพื้น ซึ่งเด็กในวัยนี้ต้องห้ามใช้หัวโหม่งทำประตู ขณะที่ทีมชาติชุดใหญ่ควรจะต้องมีแผนงานระยะสั้น-กลาง-ยาว สู่การไปลุยฟุตบอลโลก ด้านทีมงานบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรจะมีนักฟุตบอลระดับตำนานทั้งรุ่นก่อน หลัง และรุ่นเดียวกับตน ทั้ง เฉลิมวุฒิ สง่าพล, วรวรรณ ชิตะวณิช, ถิรชัย วุฒิธรรม รวมถึงรุ่นน้องทั้ง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธชตวัน ศรีปาน, ดุสิต เฉลิมแสน, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล รวมไปถึง “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย เข้ามาร่วมกันทุกองคาพยพ

“เรื่องสำคัญมากการพัฒนาผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ตรงนี้สมาคมจะเข้าไปแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการก้าวไปสู่ผู้ฝึกสอนระดับรากหญ้า จะต้องฟรี ส่วนการก้าวไปสู่ความเป็นเลิศแต่ละคนต้องจ่ายกันเอง ส่วนเรื่องสภาพสนามทั้งการฝึกซ้อมและใช้แข่งขัน ในเมื่อเราต้องการให้นักฟุตบอลมีพื้นฐานการเล่นที่ดีทั้ง เลี้ยง, ส่ง,โหม่ง, ยิง, การครอบครองบอล รวมถึงเทคนิคต่างๆ ถ้าสนามฟุตบอลยังขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อไม่มีหญ้า มีแต่ดินลูกรังไม่การบำรุงรักษาให้ดีมีมาตรฐานแล้วนักฟุตบอลจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าผมได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และมีอำนาจตัดสินใจได้ สภาพสนามที่จะใช้แข่งขันในทุกระดับจะต้องดีมีมาตรฐานครับเรียบน่าเล่น” เดอะตุ๊กกล่าว
สตอเบอรี่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน