จากประเด็นร้อนวงการฟุตบอลที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยระบุว่าเป็นไปตามคำสั่งของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ

“บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศกลับมาท้าชิงตำแหน่งคืนนั้น เปิดเผยว่า ด้วยความที่ยังไม่มีใครกล้าเสนอตัวออกมาเพื่อกอบกู้วงการฟุตบอลไทย จึงจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้สถานการณ์มันเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ที่ออกตัวมาเพราะผลงานที่ผ่านมาก็เคยทำประสบความสำเร็จทั้งฟุตบอลลีกและทีมชาติมาแล้ว

นายวรวีร์ กล่าวต่อว่า ในความคิดของตนผู้บริหารสโมสรในไทยลีก โดยเฉพาะไทยลีก 1 ทุกคนมีความสามารถ และมีศักยภาพที่จะเป็นผู้บริหารสมาคมฟุตบอลได้ฯ หรืออย่าง “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เองก็มีความรู้และประสบการณ์ในวงการฟุตบอล เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีผู้บริหารสโมสรเสนอตัวเท่าไหร่ จึงรู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ตรงนี้

“ผู้บริหารของทีมในไทยลีกควรจะมาช่วยกัน ทุกคนสามารถเป็นผู้นำสมาคมฯ ได้ ถ้ามีคนเสนอตัวมาเป็นนายกสมาคมฯ หลายคน ก็ไม่อยากให้แข่งกัน มานั่งคุยกันดีกว่าว่าใครเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นำของฟุตบอลไทย มันจะได้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ไม่อยากให้ชิงดีชิงเด่นกัน ส่วนที่ออกมาประกาศว่าจะลงก็เพราะไม่มีใครออกมา พอได้เห็นปิยะพงษ์ออกตัวมาก็ดีใจ เพราะเป็นคนรับผิดชอบต่อวงการฟุตบอล กล้าประกาศตัวว่าจะมาบริหารฟุตบอลไทย” บังยี กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีนี้จะหลีกทางแล้วมาหนุนปิยะพงษ์เป็นนายกสมาคมฯ หรือไม่นั้น อดีตประมุขลูกหนังไทย กล่าวว่า ต้องมานั่งคุยกัน การบริหารงานมันต้องช่วยกันอยู่แล้ว ตัวเองเคยทำมาก่อนก็ให้คำแนะนำได้ หรือถ้าไม่มีใครเสนอตัว ก็ลงมาทำเองได้ แต่ถ้ามีหลายคนเสนอตัวก็เป็นเรื่องดีที่จะได้คุยกัน

ส่วนกรณีที่มีข้อบังคับของสมาคมฯ ทำให้นายวรวีร์ ไม่สามารถลงสมัครนายกสมาคมฯ ได้นั้น เจ้าตัวกล่าวว่า ถ้าถึงเวลาจริงได้ลองซาวด์เสียงจากสโมสรสมาชิกแล้วอยากให้ลงสมัคร ก็จะไปร้องต่อศาลปกครองให้ทำการคุ้มครอง เพราะระเบียบมันไม่เป็นธรรมหลายข้อ ศาลเองก็มองเห็นว่าสามารถคุ้มครองได้ ในวงการกีฬามันควรมีสปิริต ไม่ใช่ออกกฎที่ไม่เป็นสากลมาขัดขวางอะไรแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ประเทศไทยจะเสี่ยงถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แบนหรือไม่นั้น นายวรวีร์ กล่าวว่า ในมุมมองตนคิดว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แค่แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยบริสุทธิ์ใจ อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ผลแพ้-ชนะก็เรื่องหนึ่ง แต่เหตุการณ์ทะเลาะวิวาท คนเป็นผู้นำก็ควรแสดงสปิริตรับผิดชอบ พิจารณาตัวเองลาออกไปก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่การแทรกแซง เพราะสุดท้ายพล.ต.อ.สมยศจะลาออกหรือไม่ก็ต้องไปตัดสินใจด้วยตัวเอง

บังยี กล่าวปิดท้ายว่า หลายชาติที่โดนแบน มันจะต้องเป็นกรณีที่รัฐบาลของประเทศนั้นๆ พยายามเข้ามาแทรกแซงการทำงานในสมาคมฯ เช่นแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือส่งคนตัวเองเข้ามา หรือเข้ามาครอบงำสมาคม แต่นี่เป็นแค่การวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมันทำได้อยู่แล้ว พล.อ.ประวิตรพูดในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ แต่ไม่ได้มีคำสั่งออกมาว่าต้องลาออก ดังนั้นไม่น่าจะโดนแบนแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน