จากกรณีที่ รัฐบาล จัดงานเลี้ยงฉลองชัยมอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้กับคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าในส่วนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ทำผลงานได้ 1 เหรียญเงินจากฟุตบอลชาย และ 1 เหรียญทองแดง จากฟุตบอลหญิงนั้น กลับได้รับเงินรางวัลเพียงแค่ทีมฟุตบอลหญิง จำนวน 2.1 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มีรางวัลเหรียญเงินของฟุตบอลชาย แต่อย่างใด

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับทีมฟุตบอลหญิงที่ได้เหรียญทองแดงนั้น ไม่มีปัญหา มีการมอบเงินอุดหนุนให้ในงานดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทว่าในส่วนของเงินรางวัลของทีมฟุตบอลชาย ต้องชะลอการมอบเอาไว้ก่อน เพราะจากปัญหาที่เกิดเรื่องวิวาทในรอบชิงชนะเลิศ กับ อินโดนีเซีย ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของวงการกีฬาประเทศไทยพอสมควร ซึ่งกกท.ได้ขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ

“หากจะบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ให้การสนับสนุนสมาคมฟุตบอล เรื่องนี้ถือว่าไม่จริง เพราะหากดูสถิติและตัวเลขการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับสมาคในช่วงปีที่ผ่านมา มีไม่ต่ำกว่าระดับ 300 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวก็ได้ถูกใช้ไปเพื่อพัฒนาระบบตั้งแต่ระดับเยาวชน ไปถึงระดับอาชีพ ส่วนปี 2566 ก็มีที่จ่ายไปแล้วเกือบ 90 ล้านบาท เพราะฉะนั้นรัฐบาล และกกท.ก็พยายามที่จะทำงานและสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนายกสมาคม ซึ่งก็อยากจะให้เข้าใจในประเด็นนี้อย่างตรงกัน ไม่ใช่เข้าใจว่าพอชนะแล้ว รัฐบาลจะแค่เชิญมาถ่ายรูป ซึ่งก็อาจจะเป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ตรงกัน และกกท.ก็ยินดีและพร้อมจะคุยกับสมาคมกีฬาฟุตบอล เพื่อทำงานร่วมกัน เพราะผมเชื่อว่าในการทำงาน หากสมาคมและรัฐบาลเดินกันไปคนละทาง จะยิ่งมีปัญหาแน่นอน”

ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า กกท.ได้ทำการตรวจสอบ หลังจากบอร์ดกกท.มีประเด็นในเรื่องนี้ และอยากให้กกท.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าใครกระทำผิด ใครกระทำไม่เหมาะสมบ้าง เช่น ผู้ที่กระทำผิดและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทโดยตรง และถูกลงโทษ อาจจะไม่ได้รับเงินรางวัล ซึ่งเรื่องนี้เราเองก็ต้องการการชี้แจงที่ชัดเจน ว่ามีใครบ้าง และโทษแต่ละคนเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็จะพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และดูในภาพรวมว่าผิดกฎกติกาอะไรไหม ซึ่งก็ไม่ได้ติดขัดในเรื่องของเงินรางวัล หรือระบบการเบิกจ่ายแต่อย่างใด

“หลังจากนี้ กกท.จะเร่งทำเรื่องสอบถามไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอล เพื่อให้ทำเรื่องชี้แจ้งกลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะเราเองก็อยากจะมอบเงินรางวัลดังกล่าว และคำนึงถึงนักกีฬา เจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนกรณีนี้ก็อาจจะขอให้เป็นกรณีศึกษา ซึ่งในครั้งต่อๆไปก็คงต้องมีกฎ กติกา ในการเป็นตัวแทนทีมชาติร่วมกันว่า หากใครที่เป็นตัวแทนแล้ว ไปสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและภาพรวมของวงการกีฬาไทย ก็ต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน