เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ห้องประชุม 222 สนามราชมังคลากีฬาสถาน สมาคมกีฬานักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงาน มีตเดอะเพรส เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.- 8 ต.ค. โดยครั้งแรกนี้ มีสมาคมกีฬา ประกอบด้วย ยกน้ำหนัก, บริดจ์, หมากรุกสากล, หมากล้อม, ว่ายน้ำ, ยิมนาสติก, มวยปล้ำ และเอ็กซ์ตรีม เข้าร่วม
“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดมีตเดอะเพลส เป็นสิ่งที่สมาคมกีฬาต่างๆ การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เห็นชอบ และชื่นชม เพราะช่วยเผยแพร่ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทย และมหกรรมกีฬาเอเชียนกมส์ ที่กำลังจะเปิดฉาก
บิ๊กต้อม เผยต่อว่า ครั้งนี้เราจะส่งนักกีฬา ชาย และหญิง รวมกันประมาณ 900 กว่าคน หากรวมเจ้าหน้าที่แล้วก็ประมาณ 1,200 คน ซึ่งตนจะเดินทางไปลงทะเบียนนักกีฬาทั้งหมดในวันที่ 14 ก.ย. ก่อนที่กีฬาแรกอย่างฟุตบอล จะลงทำการแข่งขันวันที่ 19 ก.ย. พบ คูเวต และนอกจากหางโจว แล้วยังมีอีก 5 เมือง ที่นักกีฬากระจายออกไป ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า จีน เขาเป็นมหาอำนาจ มีความพร้อมมาก ที่จะเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ยิ่งเลื่อนมา 1 ปี ยิ่งพร้อมไปใหญ่
“อยากฝากเตือนทุกสมาคมกีฬา ครั้งนี้ทาง สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้กำชับให้นักกีฬาทุกคนต้องผ่านการอบรม เรื่องโด๊ปปิ้ง พร้อมกับต้องมีใบรับรอง หากใครไม่มีใบรับรองดังกล่าวจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ เป็นกฎใหม่ที่เข้มงวดซึ่งเพิ่มเข้ามาในครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากสมาคมกีฬาไหน หรือนักกีฬาคนใดยังไม่มีใบดังกล่าวต้องมารับการอบรม และสอบที่ สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ของการกีฬาแห่งประเทศไทย”
“ส่วนมาตรการป้องกันเกี่ยวกับโควิด-19 ทางจีนก็ให้ตรวจ เอทีเค 24 ชม. ก่อนเดินทาง และจะต้องตรวจเช็กทุกๆ 3 วัน นอกจากนี้นักกีฬาทุกคนยังต้องโหลดแอพพลิเคชัน เพื่อติดตามตัวว่าไปที่ไหนอย่างไรบ้าง โดยใกล้ๆจะมีเพลย์บุ๊กแจ้งให้ทุกคนทราบอีกครั้ง”
ด้าน วีระยุทธ ศรีเพ็ชร ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมกีฬาหมากล้อมฯ เผยว่า ครั้งนี้ หมากล้อม เราส่ง 3 ประเภท ประกอบด้วย บุคคลชาย ทีมชาย และทีมหญิง แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 6 คน หญิง 4 คน โดยตลอดระยะเวลาเก็บตัวที่ผ่านมา เราได้เชิญมืออาชีพหมากล้อม มาเทรนนักกีฬา 1 ปีเต็ม สัปดาห์ละ 5 วัน ซึ่งนอกจากฝึกซ้อมกันเอง ปัจจุบันมีการใช้ เอไอ ที่เก่งกาจ ช่วยวิเคราะห์อีกที เพื่อให้หมากที่เล่นมีความแม่นยำที่สุด
“ถ้าย้อนไป เอเชียนเกมส์ 2010 เราไม่ได้เหรียญรางวัล แต่เอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ 2013 เราได้เหรียญทองแดง ประเภททีมหญิง ทำให้ครั้งนี้เราจึงคาดหวังว่าจะทำได้เช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อยอยู่ เพราะมี จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นผู้นำในกีฬาด้านนี้ การที่เราจะได้เหรียญรางวัล เราต้องฝ่าฟันประเทศเหล่านี้ให้ได้
ส่วน นายวิสุทธิ์ ตั้งวาริธร นายกสมาคมกีฬามวยปล้ำแห่งประเทศไทย เผยว่า ในซีเกมส์ 2023 ที่ผ่านมา เราเพิ่งกลับมาได้เหรียญทอง ส่วนเอเชียนเกมส์ ครั้งนี้ เราส่งนักกีฬา 11 คน และได้โอกาสจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และการกีฬาแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาไปฝึกซ้อมที่คาซัคสถาน ซึ่งเป็นอันดับ 1 เอเชีย ในเดือนหน้า ก็เชื่อว่าจะทำให้นักกีฬาเราพัฒนามากขึ้น ส่วนความหวังยังต้องขอดูสายที่จับสลากเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ขณะเดียวกัน นายวิสุทธิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอุปนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย ด้วย เผยว่า สมาคมเอ็กซ์ตรีม ส่ง 3 ประเภทคือ สเก็ตบอร์ด อินไลน์สปีด และอินไลน์ฟรีสไตล์ ชนิดละ 8 คน ซึ่งยอมรับว่าสเก็ตบอร์ด เรายังเป็นรองในเอเชีย แต่เราจะโดดเด่นที่ อินไลน์ฟรีสไตล์ ซึ่งไทยถือเป็นชาติชั้นนำ คาดว่าจะ 2 เหรียญทอง
ด้าน ชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย เผยว่า ยอมรับครั้งนี้ค่อนข้างหินมาก สมาคมฝึกซ้อมเตรียมทีมมา 2 ปี แต่ในเอเชียนเกมส์ เราเป็นรองเขา แม้ลึกๆเราก็หวังเล็กเหรียญใดเหรียญหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าหวังสูง อาจจะเป็นเหรียญทองแดง
ส่วน นาวาเอก เพชรเกษม รตาภรณ์ รองเลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เผยว่า ครั้งนี้เราจะส่งนักกีฬาเข้าร่วม แบ่งเป็น ชาย 7 รุ่น หญิง 7 รุ่น ตั้งเป้าคว้าเหรียญแน่ แต่ยังไม่ฟันธง เพราะเรายังไม่เห็นนักกีฬาคู่แข่งที่เข้าร่วม เนื่องจากช่วงนี้ยังมีควอลิฟาย โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ซาอุดีอาระเบีย และควอลิฟาย รอบสุดท้าย ที่ภูเก็ต ประเทศไทย ต้องยอมรับว่า มหกรรมเอเชียนเกมส์ ก็พอๆกับ โอลิมปิกเกมส์ เพราะคู่แข่งซึ่งเป็นที่สุดในโลกก็คือจีน แต่เราไม่กลัวใครแน่นอน
ขณะที่ รุ่งกานต์ แสงทองสกุลเลิศ กรรมการบริหารสมาคมกีฬายิมนาสติกฯ กล่าวว่า นักกีฬาของเราแบ่งเป็น ยิมนาสติกศิลป์ชาย 5 คน หญิง 3 คน และยิมนาสติกลีลา 3 คน เราได้เหรียญที่ดีขึ้นในซีเกมส์ 2023 ทั้งยังมีการเชิญผู้ฝึกสอนจากต่างประเทศเข้ามาช่วย ซึ่งเราหวังว่าจะพัฒนาผลงานขึ้นเรื่อยๆในครั้งนี้ เราไม่ได้ขายฝัน เพราะกีฬานี้มี จีน ญี่ปุ่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นชาติชั้นนำทั้งนั้น แต่เราหวังว่าจะสามารถเข้าถึงรอบไฟนอล 8 คนสุดท้ายให้ได้
ด้าน สหพล นาควานิช นายกสมาคมกีฬาหมากรุกสากลแห่งประเทศไทย เผยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ไทย ส่งแข่งขันเอเชียนเกมส์ โดยมี 4 ประเภทคือ ชายราปิด ชายสแตนดาร์ด หญิงราปิด และสแตนดาร์ด ถ้าเทียบกันแล้ว แชมป์โลกอยู่ที่จีน ทั้งชายและหญิง รองลงมาเป็น อินเดีย และคาซัคสถาน พูดตรงๆว่าเราจะทำให้ดีที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าเราอยู่ในระดับที่ห่างพอสมควร ซึ่งครั้งนี้เราก็หวังจะยกระดับของตัวเองให้ดีขึ้น
ส่วน ร.ต.อ.วัลลภ จิราทรวัฒนา รองเลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ เผยว่า สมาคมกีฬาว่ายน้ำถือเป็นทัพใหญ่ในครั้งนี้ เพราะเป็นกีฬาสากลระดับโลก โดยเราได้ส่งนักว่ายน้ำ 20 คน โปโลน้ำ ชายและหญิงทีมละ 13 คนรวมเป็น 26 คน กระโดดน้ำ 4 คน ระบำใต้น้ำ 12 และว่ายน้ำมาราธอน 4 คน ความพร้อมของเรา มีโปรแกรมแข่งขัน และเก็บตัวกันตลอด เมื่อช่วงต้นเดือนก็ไปแข่งขันในรายการเวิลด์ อควอติก ที่ญี่ปุ่น มา ครั้งนี้เรามีนักกีฬาทั้งชุดเก่า และใหม่รวมกัน ความหวังสูงสุดอยู่ที่ โปโลน้ำหญิง ที่ต้องคว้าเหรียญทองแดงให้ได้ จากครั้งก่อน เอเชียนเกมส์ 2018 พลาดได้อันดับ 4 ส่วนว่ายน้ำอื่นๆ เราก็หวังได้เข้าร่วมชิงทุกรายการ และทำสถิติให้ดีขึ้น
