การแข่งขันมวยสากล เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” ที่หางโจว ยิมเนเซียม เมืองหางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 คน รุ่น 57 กิโลกรัม หญิง พรทิพย์ บัวป่า ลงดวลกับ หลิน ยู ติง จากไต้หวัน

ผลปรากฏว่า ยกแรก พรทิพย์ แต้มตามหลังทำให้ในยกต่อมาต้อง เดินหน้าเข้าใส่ ก่อนจะไปเข้าทางนักชกไต้หวันที่สูงยาวกว่า ครบ 3 ยก พรทิพย์ แพ้คะแนน 0-5 เสียงตกรอบอย่างน่าเสียดาย
หลังการชก พรทิพย์ เผยว่า วันนี้รู้สึกพอใจการชกของตัวเอง แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดจนไปเข้าทางเขาทำให้แพ้ไปในที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับเอเชียนเกมส์ ครั้งแรกของตัวเองถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ครั้งนี้แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เหรียญ แต่ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส จะมาเอาเหรียญทองให้ได้

จากนั้นรุ่น 60 กิโลกรัม หญิง “เนย” ธนัญญา สมนึก พบ ฮุสวาตุน ฮาซานาห์ จากอินโดนีเซีย โดยคู่นี้ ธนัญญา เป็นฝ่ายสาดหมัดไล่ถลุงคู่ชกจากอินโดนีเซีย จนเอาชนะอาร์เอสซี ในยก 2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ อึง ยัง วอน จากเกาหลีเหนือ พร้อม การันตีเหรียญทองแดง และคว้าโควตา โอลิมปิกเกมส์ 2024 แน่นอนแล้ว

หลังแข่งขัน “เนย” ธนัญญา ที่ชนะอาร์เอสซีคู่ชกมาตั้งแต่รอบแรก เผยว่า ก่อนขึ้นชกรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะร่างกายเพิ่งฟิ้นจากไข้หวัด ทำให้หายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อย แต่คู่ชกคนนี้เคยเจอกันมาแล้ว ตอนนั้นชกรุ่น 63 กิโลกรัม ซึ่งก็เอาชนะมาได้ เลยไม่มีปัญหา ส่วนการชนะอาร์เอสซี มาทุกรอบก็ถือว่าเหนือความคาดหมาย แต่ถ้าไฟต์หน้ามีโอกาสก็อยากทำให้ได้อีก

ธนัญญา เผยต่อว่า สำหรับตั๋วโอลิมปิกเกมส์ ครั้งนี้ถือเป็นความฝัน ก่อนมาครั้งนี้มีคุยกับตัวเองว่าหากทำไม่ได้ก็จะพักยาว หลังจากนี้ต้องคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ มาให้ได้เป็นอันดับแรก และกลับไปมุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง เพราะอยากได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ สักครั้งในชีวิต

ต่อที่ รุ่น 66 กิโลกรัม หญิง รอบ 8 คน จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง พบ ซูจิน ซอน จากเกาหลีใต้ โดยคู่นี้ จันทร์แจ่ม ยังเป็นฝ่ายชกได้ดีกว่า แม้จะมีเสียวโดนนับในยก 2 แต่ก็ยังดีพอเอาชนะคะแนน 5-0 เสียง ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศการันตีเหรียญทองแดงไปพบกับ นาตัลยา บอกดาโนวา จากคาซัคสถาน โดยผู้ชนะจะคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 และผ่านเข้าชิงชนะเลิศ

หลังชก จันทร์แจ่ม เผยว่า ก่อนชกมั่นใจ แต่ตอนโดนนับรู้สึกงง เหมือนกัน เพราะไม่ได้โดนหมัด เหมือนลื่นล้มมากกว่า แต่ก็ผ่านมาได้ ส่วนไฟต์หน้าเจอกับคู่ชกคาซัคสถาน เคยเอาชนะเขามาแล้ว แต่จะไม่ประมาท จะพยายามป้องกันหน้าตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ และก้าวไปคว้าเหรียญทองให้ได้

ส่วนรอบรองชนะเลิศ รุ่น 50 กิโลกรัม หญิง “หวาน” จุฑามาศ รักสัตย์ พบ ซารีน นิคัต จากอินเดีย โดยทั้งคู่ต่างการันตีเหรียญทองแดง พร้อมคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2024 เรียบร้อยแล้ว








Advertisement

โดยไฟต์นี้ทั้งคู่ชกกันได้สูสีผลัดกันทำแต้มคนละยก ก่อนที่ยกสุดท้าย จุฑามาศจะออกมาจัดหนัก ดักต่อย สลับหมัดชุด ครบ 3 ยก กรรมการชูมือให้นักชกสาวไทยเอาชนะไปแบบสะใจ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบ หยู วู นักชกเจ้าภาพจีน

หลังการชก จุฑามาศ กล่าวว่า ความกดดันมันคลายลงตั้งแต่ได้ตั๋วโอลิมปิกเกมส์ ในรอบก่อนแล้ว รอบนี้ก็พยายามดึงศักยภาพตัวเองออกมาให้มากที่สุด ทำให้กรรมการเห็นมากที่สุด ในเรื่องทรงมวย การออกหมัด การป้องกันตัว พยายามป้องกันตัวให้มากที่สุด ส่วนตอนยกแรกที่คะแนนตามหลังก็ไม่ได้กดดันอะไร พยายามดึงให้เขามาอยู่ในเกมของเราให้ได้ กระทั่งยกสามกลั้นใจ มีเท่าไหร่ก็ใส่หมด
“ตอนลุ้นว่ากรรมการจะชูมือใคร ก็ภาวนาในใจว่าขอให้เป็นเรา และท่องนะโม 3 จบ เพราะเราเต็มที่แล้ว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์”

จุฑามาศ เผยต่อมา เป้าหมายที่เรามาครั้งนี้คือตั๋วโอลิมปิก พอเราได้ตั๋วแล้ว ก็คุยกับโค้ชว่าไม่ต้องกดดันอะไรเลย เรื่องที่ควบคุมไม่ได้ไม่ต้องไปสนใจ ทำให้ผิดพลาดน้อยที่สุด

“รอบชิงชนะเลิศจะพยายามให้ท็อปฟอร์มกว่านี้อีก ส่วนการเจอเจ้าภาพไม่กังวลเลย ในเรื่องกองเชียร์ กรรมการ การตัดสินอะไรก็ช่าง เรื่องที่เราควบคุมไม่ได้เราไม่ต้องไปสน สนใจแต่เรื่องที่เราควบคุมได้ เช่นการชก การออกหมัดของเรา ให้เขาอยู่ในเกมเรามากที่สุด และเราก็ต้องพลาดให้น้อยที่สุด”

“เงินรางวัลที่จะได้ก็คงให้พ่อกับแม่ เพราะตอนนี้ทำนาอยู่ที่ บ้านอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ตอนนี้ก็แล้งด้วย ต้องเตรียมค่าเกี่ยวข้าว และค่าใช้จ่ายต่างๆไว้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน