การแข่งขันมวยสากล เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” ที่ยิมเนเซียม หางโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม มีนักชกไทยลงแข่งขันหลายรุ่น

เริ่มที่ รุ่น 75 กิโลกรัม หญิง รอบรองชนะเลิศ ใบสน มณีก้อน พบ ลอฟลินา บอร์โกเฮน จากอินเดีย แชมป์โลกคนล่าสุด

ยกแรกยังดูสูสีผลัดกันออกหมัดเข้าเป้า แต่ดูเหมือนสาวอินเดีย จะแจ้งกว่าได้แต้มนำไปก่อน เข้าสู่ยกสองใบสน พยายามเดินเข้าหามากขึ้น ขยันปล่อยหมัดเข้าเป้าไปหลายดอก ได้คะแนนกลับคืนมาบ้าง ก่อนที่ยกสาม ใบสนจะยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง จนนักชกอินเดียเหมือนจะเริ่มป้อแป้ แต่โชคดีที่กรรมการเชือกรองเท้าหลุด ต้องหยุดผูกเชือกรองเท้า ทำให้ ลอฟลินา ได้พักหายใจไปราว 20 วินนาที ก่อนจะเริ่มหันมาดักต่อยและวนออก ครบ 3 ยกกรรมการชูมือให้สาวอินเดีย ชนะคะแนน 5-0 ทำให้ ใบสน ได้เพียงเหรียญทองแดง และชวดตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2024

หลังชก ใบสน เผยว่า เสียดายแต่เราก็ยังแพ้ประสบการณ์การเอาตัวรอดเขา ถึงเขาจะหมดแต่เขาก็ยังเอาตัวรอดได้

“จังหวะที่กรรมการเชือกรองเท้าหลุด เหมือนทำให้เขามีเวลาหายใจขึ้น ได้ฮึดมาอีก เสียดาย ตั้งใจจะให้เขาหมด แต่ก็กลายเป็นทำให้เขาหาทางแก้สถานการณ์ได้ตรงนั้น”

ใบสน เผยอีกว่า การชกครั้งนี้ทำให้รู้อีกอย่าง การได้ต่อยกับมวยยาวๆ เราต้องไปแก้ไขยังไง และวิธีการเอาตัวรอดแบบเขา ส่วนครั้งนี้ยอมรับว่าเสียดายตั๋วโอลิมปิกเกมส์ ที่พลาดไป แต่ยังมั่นใจว่าจะสามารถคว้าโควตาในรายการที่เหลือ

รุ่น 51 กิโลกรัม ชาย รอบก่อนรองชนะเลิศ ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด พบ จาง เจียเหมา จากจีน เจ้าภาพ
ตลอด 3 ยก ธิติสรรณ์ พยายามเดินหน้าสาดอาวุธเข้าใส่นักชกเจ้าภาพไม่หยุด ทั้งหน้า และลำตัว ขณะที่จีนก็ยืนแลกสู้ ครบ 3 ยก กรรมการชูมือให้ ธิติสรรณ์ ชนะคะแนน 5-0 เสียงผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ตุนเหรียญทองแดง

หลังชก ธิติสรรณ์ เผยว่า ถือว่ายังทำตามเกมที่วางไว้อยู่ แต่ก็มีหลุดยกแรก เพราะคะแนนมันไม่เป็นเรา ทำให้ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า ยอมรับว่าตกใจ เพราะน่าจะมีหมัดนับด้วยตอนต่อยแล้วเขาเซเข้ามุมซ้ายมุมขวา แต่สุดท้ายเราพลิกชนะมาได้ก็โอเคอยู่

“ช่วงยกสามคิดว่าต้องเอาให้ขาด อย่างว่าบ้านเขาถ้าไม่ห่างชั้นเราแพ้แน่ๆ จากนี้ต้องวางเกมรอบต่อไปให้ดีกว่านี้ จะไม่ประมาทคู่ต่อสู้คนไหนแม้จะผ่านเจ้าภาพมาแล้ว เพราะกว่าเขาจะมาได้เขาก็คงซ้อมมาเยอะเหมือนกัน”

รุ่น 50 กิโลกรัม หญิง รอบชิงชนะเลิศ จุฑามาศ รักสัตย์ พบ วู หยู จากจีน โดยยกแรก ช่วงต้นทั้งคู่ยังดูเชิง ด้วยการปล่อยหมัดหนึ่งสองรบกวน ก่อนจะเริ่มมากอดรัดแลกหมัดกันเล็กน้อยช่วงปลาย จบยกกรรมการให้คะแนนไปทางนักชกสาวเจ้าภาพ

ยกสอง จุฑามาศ พยายามเดินหน้าทำแต้ม แต่ก็กลายเป็นเข้าทางเจ้าภาพที่สวนหมัดเข้าเป้าได้หลายดอก จบยกนี้เจ้าภาพยังมีแต้มนำ สุดท้ายที่ยกสามทั้งคู่พุ่งเข้าใส่แลกหมัดกันอย่างดุเดือด ครบ 3 ยกกรรมการชูมือให้ นักชกจีน เอาชนะคะแนน 5-0 เสียง คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วน จุฑามาศ คว้าเหรียญเงิน พร้อมกับโควตาโอลิมปิกเกมส์ ที่ได้รับตั้งแต่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ

หลังชก “หวาน” จุฑามาศ เผยว่า วันนี้ทำเต็มที่แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเขาทั้งเร็วและแข็งแรงด้วย ส่วนเรื่องการตัดสินของกรรมการ รวมถึงเสียงเชียร์ของเจ้าถิ่นคิดว่าไม่ได้มีผลอะไรกับแมตช์นี้ ตนทำเต็มที่แล้ว

“การชกวันนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ วันนี้เขาก็แก้เกมเรามาเหมือนกัน อย่างไรก็ตามไม่ได้รู้สึกเสียดายเท่าไหร่กับการพลาดเหรียญทอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเต็มที่ ทั้งการชก การฝึกซ้อม มาถึงในรอบชิงได้ก็คุ้มแล้ว รวมถึงปลดล็อกตั้งแต่คว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์แล้ว”

จุฑามาศ เผยต่อว่า มองภาพรวมเอเชียนเกมส์ ครั้งนี้ คิดว่าทัพมวยสากลไทย มีการพัฒนาขึ้น หลังจากนี้คงเก็บตัวฝึกซ้อมต่อ เพิ่มความแข็งแรง เพื่อเหรียญโอลิมปิก

รุ่น 60 กิโลกรัม หญิง รอบรองชนะเลิศ “เนย” ธนัญญา สมนึก พบ วอน อังยอง จากเกาหลีเหนือ โดยตลอด 3 ยก ทั้งคู่แลกหมัดกันดุดือด ชนิดไม่มีใครยอมใคร ก่อนกรรมการจะชูมือให้ นักชกเกาหลีเหนือ ชนะคะแนน 5-0 เสียง พลาดเข้าชิงอย่างน่าเสียดาย รับเหรียญทองแดงปลอบใจ พร้อมกับโควตาโอลิมปิกเกมส์ ที่ได้ไปตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ

หลังชก ธนัญญา เผยว่า เสียดายช่วงท้ายร่างกายแผ่วไปเอง หายใจไม่สะดวกเหมือนจะขาดใจเพราะเพิ่งหายจากอาการหวัด ก็ต้องยอมรับว่าเขาแข็งแรงกว่าฟิตกว่า จากนี้เตรียมกลับไปมุ่งมั่นเพื่อคว้าเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ให้ได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน