ศึกลอนดอน ดาร์บีแมตช์ ห้ำหั่นดุเดือดและมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ก่อนที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน จะแพ้คาบ้านแบบย่อยยับต่อเชลซี
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ศึกลอนดอน ดาร์บีแมตช์ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดสนามท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี
เกมนี้เจ้าบ้านจัด ซน ฮึง-มิน, เจมส์ แมดดิสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี ลงนำเกมรุก ส่วนทีมเยือนใช้งาน นิโคลัส แจ๊กสัน, ราฮีม สเตอร์ลิง, โคล พาลเมอร์
เริ่มเกมมาเพียง 6 นาที ปาป มาตาร์ ซาร์ จ่ายบอลให้ เดยัน คูลูเซฟสกี เลี้ยงเข้าพื้นที่ด้านขวาของเขตโทษ จากนั้นแต่งเข้าซ้ายปั่นเล็งไปเสาสอง แต่บอลแฉลบ ลีวาย โคลวิลล์ เปลี่ยนทางเข้าเสาแรก โดยนายทวารก็พุ่งไปอีกทางแล้ว สเปอร์สออกนำ 1-0
นาที 11 ราฮีม สเตอร์ลิง แทงบอลทะลุแนวรับให้ นิโคลัส แจ๊กสัน หลุดเข้าเขตโทษแล้วล็อกหลบคู่แข่งก่อนสับไกยิงเหน่งๆ กูเยลโม วิคาริโอ ล้มตัวปัดทิ้งทันอย่างไม่น่าเชื่อ เชลซีตีเสมอไม่สำเร็จ
นาที 13 เบรนแนน จอห์นสัน รับบอลได้ทางพื้นที่ด้านซ้ายของสนาม ก่อนปาดเข้าเขตโทษให้ ซน ฮึง-มิน สปีดแซงกองหลังมายิงเข้าไป แต่ผู้กำกับเส้นยกธงบอกว่าซนล้ำหน้า และวีเออาร์ยืนยันตามนั้น สเปอร์สจึงชวดได้ประตูทิ้งห่าง
นาที 21 ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษแล้วยิงติดบล็อกคู่แข่ง บอลกระเด้งมาติดตัวสเตอร์ลิงแล้วเป็นใจให้แข้งรายนี้ยิงซ้ำอีกทีเข้าไป แต่วีเออาร์เช็กแล้วพบว่าบอลโดนแขนสเตอร์ลิง เชลซีจึงถูกริบประตูนี้
นาที 28 เกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้เวลาเช็กวีเออาร์ซ้ำซ้อน โดยเริ่มจาก มอยเซส ไคเซโด ยิงระยะไกลเสียบตาข่าย แต่วีเออาร์ระบุว่าบอลพุ่งผ่านตัว นิโคลัส แจ๊กสัน ที่ยืนเหลื่อมล้ำหน้า และถือว่ามีผลต่อการบังผู้รักษาประตู เชลซีจึงไม่ได้ประตูนี้
Advertisement
จากนั้นวีเออาร์เช็กย้อนไปอีกจังหวะที่ คริสเตียน โรเมโร เปิดปุ่มเสียบใส่ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ผู้ตัดสินพิจารณาแล้วเป่าให้จุดโทษเชลซี และยังแจกใบแดงโรเมโรด้วย โคล พาลเมอร์ สังหารเข้าไปในนาที 35 เชลซีตีเสมอจนได้ 1-1 แถมสเปอร์สต้องเหลือ 10 คน
นาที 37 เชลซีเกือบแซงนำ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวมาทางด้านซ้ายแล้วตบเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ๊กสัน ปราดมายิงไม่เหลือซ้าย แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะที่สเตอร์ลิงเล่นแล้ว
นาที 45+2 สเปอร์สเผชิญข่าวร้ายต่อเนื่อง เจมส์ แมดดิสัน และมิกกี ฟาน เดอ เฟน ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทั้งคู่ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก และเอแมร์ซอน โรยัล ต้องลงสนามแทน
นาที 45+4 เชลซีโจมตีได้น่ากลัวอีกครั้ง รีซ เจมส์ ได้บอลทางด้านขวาของเขตโทษแล้วเตะเข้ากลางแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน กูเยลโม วิคาริโอ ล้มตัวปัดทิ้งทันก่อนจะกลายเป็นอันตรายไปกว่านี้ จบครึ่งแรกเสมอกันอย่างสุดเดือด 1-1
ครึ่งหลังนาที 55 สถานการณ์ของสเปอร์สแย่ลงไปอีกขั้น เดสตินี อูโดกี ไปเสียบใส่ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำให้ได้รับใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม “ไก่เดือยทอง” ต้องเหลือ 9 คนเท่านั้น
นาที 56 เชลซีน่าขึ้นนำ รีซ เจมส์ บุกเข้าด้านขวาของเขตโทษแล้วเปิดบอลแฉลบคู่แข่งลอยไปถึง นิโคลัส แจ๊กสัน โหม่งลูกผ่านนายทวารไปแล้ว แต่ยังมี ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก ที่อยู่ตรงปากประตูอีกคนยกขาสกัดได้แบบหวุดหวิด
นาที 68 โอกาสเป็นของเชลซีอีกครั้ง รีซ เจมส์ วางบอลข้ามแนวรับให้ มาร์ก กูกูเรยา สอดขึ้นมารับแล้วกระชากเข้าเขตโทษ จากนั้นล็อกหลบคู่แข่งแล้วสับไกยิง กูเยลโม วิคาริโอ ปราดออกมาปิดมุมไวเลยเซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นาที 75 ในที่สุดสเปอร์สก็ต้านไม่ไหว รีซ เจมส์ แทงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง สปีดทะลุแนวรับหลุดเดี่ยวเข้ามาถึงเขตโทษ ก่อนจะปาดให้ นิโคลัส แจ๊กสัน ยิงเข้าไปไม่เหลือ เชลซีนำ 2-1
นาที 78 สเปอร์สได้ฟรีคิกระยะไกล เปโดร ปอร์โร เปิดขึ้นไปข้างหน้า โรดริโก เบนตานกูร์ โฉบมาถึงแล้วชิงจังหวะโหม่งเช็ดต่อไปให้ เอริก ดายเออร์ ตั้งหน้าเท้าแปในเขตโทษเสียบตาข่าย แต่ดายเออร์อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนแล้ว เจ้าบ้านตีเสมอไม่สำเร็จ
นาที 86 เป็นฝั่งสเปอร์สที่ได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย เปโดร ปอร์โร เปิดเข้ามาหน้าประตู โรดริโก เบนตานกูร์ จึงโฉบมาโหม่งจ่อๆ แต่โดนไม่ดีพอเลยหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
นาที 90+4 โอกาสเป็นของสเปอร์สอีกครั้ง ซน ฮึง-มิน พาบอลควบผ่านแนวรับจนเข้าถึงพื้นที่เขตโทษแล้วยิงด้วยซ้าย โรเบิร์ต ซานเชซ ล้มตัวปัดก่อนจะตามมารับไว้ได้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เชลซีเป็นฝ่ายได้บุกสวนกลับ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ หลุดเดี่ยวมาทางฝั่งขวา ก่อนจะตบเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ๊กสัน ยิงเข้าไปไม่มีพลาด ทีมเยือนนำห่าง 3-1
นาที 90+7 โคล พาลเมอร์ วางยาวจากแดนตัวเองทะลุผ่านแนวรับให้ นิโคลัส แจ๊กสัน หลุดเดี่ยวไปเลี้ยงหลบนายทวารแล้วส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย ทำแฮตทริกให้ตัวเองได้สำเร็จ จบเกมเชลซีบุกชนะขาดลอย 4-1
โดยผ่านมา 11 นัดเท่ากัน สเปอร์สต้องแพ้เป็นแมตช์แรกในฤดูกาล แต้มนิ่งอยู่ที่ 26 คะแนน สัปดาห์นี้หล่นมาอยู่รองจ่าฝูง ส่วนเชลซีเก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนน อยู่อันดับ 10
ส่วนผลฟุตบอลรายการอื่น เซเรีย อา อิตาลี: โฟรซิโนเน ชนะ เอ็มโปลี 2-1, โตริโน ชนะ ซาสซูโอโล 2-1 ลา ลีกา สเปน: เคตาเฟ ชนะ กาดิซ 1-0
