อิตาลีเก็บชัยเหนือนอร์ทมาซิโดเนีย ทำให้กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในการแย่งตั๋ว ยูโร 2024 ขณะที่แอลเบเนียและเดนมาร์กเป็นอีก 2 ทีมที่เข้ารอบสุดท้าย

การแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน กลุ่มซี “อัซซูรี”อิตาลี แชมป์เก่ายูโร 2020 เปิดสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก รับการมาเยือนของนอร์ทมาซิโดเนีย

เกมนี้เจ้าบ้านจะส่ง จาโคโม ราสปาโดรี, โดเมนิโก เบราร์ดี, เฟเดริโก เคียซา ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนนำโดย โบยาน มิยอฟสกี, เอนิส บาร์ดี, เอลิฟ เอลมาส

นาที 13 กองเชียร์เจ้าบ้านต้องเฮเก้อ จอร์จินโญ แทงบอลทะลุผ่านแนวรับให้ จาโคโม ราสปาโดรี สปีดไปถึงแล้วตักบอลข้ามนายทวารเข้าประตู แต่ราสปาโดรีอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน อิตาลีจึงชวดขึ้นนำ

นาที 16 อิตาลีมีโอกาสลุ้นจบสกอร์อีกครั้ง จาโคโม โบนาเวนตูรา จ่ายบอลให้ เฟเดริโก เคียซา สปีดแซงกองหลังเข้าไปรับในเขตโทษด้านซ้ายแล้วยิงมุมแคบ สโตเล ดิมิตริเยฟสกี ยังปัดเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตาม จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายต่อเนื่องกันนาที 17 เฟเดริโก ดิมาร์โก เล่นจ่ายสั้นกันกับ จาโคโม ราสปาโดรี ก่อนที่ราสปาโดรีจะหยอดไปเสาสองให้ มัตเตโอ ดาร์มิอัน โขกระยะเผาขนไม่พลาด อิตาลีนำ 1-0

นาที 38 อิตาลีเปิดลูกเตะมุมเข้ากลาง เฟเดริโก กัตติ โหม่งไปติดแขนนิโคลา เซราฟิมอฟ ผู้ตัดสินจึงเป่าเป็นจุดโทษ จอร์จินโญ เป็นคนยิงด้วยท่ากระโดดที่ถนัด แต่ไม่สามารถหลอก สโตเล ดิมิตริเยฟสกี ที่ยืนดักอยู่และล้มตัวปัดออกไปได้

นาที 41 ยังคงเป็นอิตาลีที่บุกต่อเนื่อง จอร์จินโญ พยายามเลี้ยงฝ่าแนวรับในเขตโทษแล้วถูกสกัด บอลกระดอนออกมาบริเวณหน้าเขตโทษเข้าทางปืน เฟเดริโก เคียซา ซัดทันทีลูกพุ่งเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด เจ้าบ้านนำห่าง 2-0

นาที 45+3 โดเมนิโก เบราร์ดี แทงบอลจากครึ่งสนามทะลุแนวรับให้ เฟเดริโก เคียซา สปีดไปเก็บได้ทางด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนที่เคียซาจะแต่งเข้าขวาแล้วสับไกยิง บอลแฉลบขากองหลังลอยโด่งแล้วย้อยเข้าเสาสอง จบครึ่งแรกอิตาลีนำ 3-0

ครึ่งหลังนาที 52 นอร์ทมาซิโดเนียได้ลูกเตะมุมฝั่งขวา เอนิส บาร์ดี จ่ายสั้นให้ เอ็กซิยาน อลิออสสกี เปิดพุ่งไปหน้าประตู ยานี อตานาซอฟ จึงโฉบมาโขกระยะเผาขนไม่เหลือซาก ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-3

นาที 53 อิตาลีเกือบได้ประตูทิ้งห่าง จาโคโม ราสปาโดรี ได้บุกมาทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนเปิดพุ่งเข้ากลางให้ จาโคโม โบนาเวนตูรา พักบอลแล้วตวัดยิงเผาขน สโตเล ดิมิตริเยฟสกี ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

นาที 57 จากฟรีคิกทางกราบขวาของอิตาลี นิโคโล บาเรลลา ฉวยโอกาสเล่นเร็วจ่ายเข้าพื้นที่เขตโทษให้ เฟเดริโก ดิ มาร์โก ปั่นด้วยซ้ายหวังให้เสียบเสาสอง สโตเล ดิมิตริเยฟสกี ยังไวพุ่งปัดทิ้งไปได้

นาที 74 ยานี อตานาซอฟ ชนะการแย่งบอลกับนักเตะอิตาลีได้ ก่อนจะลองยิงไกลจากระยะราว 30 หลา บอลพุ่งไปแฉลบ ฟรานเชสโก อาแชร์บี เปลี่ยนทางเข้าประตู โดยที่นายทวารขาตายและหมดสิทธิ์เซฟ นอร์ทมาซิโดเนียไล่มาเป็น 2-3

นาที 81 นิโคโล บาเรลลา พาบอลบุกขึ้นมาแล้วจ่ายต่อให้ จาโคโม ราสปาโดรี แตะเข้าพื้นที่เขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเสียบตาข่าย อิตาลีนำห่างออกไปอีกครั้ง 4-2
นาที 90+3 เฟเดริโก ดิมาร์โก หลุดมาทางด้านซ้าย ก่อนจ่ายหักเข้าเขตโทษให้ สเตฟาน เอล ชาราวี ตวัดยิงเข้าประตูไป จบเกมอิตาลีชนะ 5-2

ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ อิตาลีมีโอกาสดีที่จะคว้าตั๋วไปรอบสุดท้าย โดยต้องการแค่ผลเสมอในแมตช์ตัดสินชะตากับยูเครน ส่วนนอร์ทมาซิโดเนียตกรอบโดยสิ้นเชิงไม่ได้ลุ้นแม้แต่เพลย์ออฟตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน อังกฤษ ชนะ มอลตา 2-0 อังกฤษเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอยู่แล้ว ส่วนมอลตาตกรอบไม่ได้ลุ้นแม้แต่เพลย์ออฟ

อันดับบนตารางคะแนน 1. อังกฤษ (ลงสนาม 7 นัด : 19 คะแนน – เข้ารอบแล้ว), 2. อิตาลี (7 นัด : 13 คะแนน), 3. ยูเครน (7 นัด : 13 คะแนน), 4. นอร์ทมาซิโดเนีย (7 นัด : 7 คะแนน), 5. มอลตา (8 นัด : 0 คะแนน)

กลุ่มอี โปแลนด์เปิดสนามสตาดิโอน นาโรโดวี เสมอกับสาธารณรัฐเช็ก 1-1 ทำให้โปแลนด์ตกรอบคัดเลือกปกติ และต้องไปรอลุ้นว่าจะได้ตั๋วเพลย์ออฟหรือไม่ ส่วนสาธารณรัฐเช็กนัดหน้าต้องการแค่ผลเสมอกับมอลโดวาก็จะฉลุยทันที

เจ้าบ้านได้ประตูจาก ยาคุบ ปิโอตรอฟสกี นาที 38 ส่วนทีมเยือนได้จาก โตมัส ซูเช็ก นาที 49

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน มอลโดวา เสมอ แอลเบเนีย 1-1 ส่งผลให้แอลเบเนียเข้าสู่รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นหนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของชาติต่อจากเมื่อปี 2016 ส่วนมอลโดวาต้องชนะสถานเดียวในแมตช์ชี้ชะตากับสาธารณรัฐเช็ก

อันดับบนตารางคะแนน 1. แอลเบเนีย (ลงสนาม 7 นัด : 14 คะแนน – เข้ารอบแล้ว), 2. สาธารณรัฐเช็ก (7 นัด : 12 คะแนน), 3. โปแลนด์ (8 นัด : 11 คะแนน), 4. มอลโดวา (7 นัด : 10 คะแนน), 5. หมู่เกาะแฟโร (7 นัด : 1 คะแนน)

กลุ่มเอช “โคนม”เดนมาร์ก เปิดสนามปาร์กเกน เอาชนะสโลวีเนีย 2-1 ส่งผลให้เดนมาร์กคว้าตั๋วไปรอบสุดท้ายได้สำเร็จ

เจ้าบ้านได้ประตูจาก โยอาคิม เมห์เล นาที 26, โธมัส เดลานีย์ นาที 54 ส่วนทีมเยือนได้จาก เอริก ยานซา นาที 30

ผลคู่อื่น คาซัคสถาน ชนะ ซานมาริโน 3-1, ฟินแลนด์ ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 4-0

ตั๋วเข้ารอบสุดท้ายอีกใบที่เหลือจะต้องวัดกันที่แมตช์ชี้ชะตาระหว่างสโลวีเนีย-คาซัคสถาน ซึ่งสโลวีเนียขอแค่ผลเสมอก็เพียงพอ ส่วนคาซัคสถานต้องชนะสถานเดียว

ขณะที่ฟินแลนด์จะได้ไปเพลย์ออฟต่ออย่างแน่นอน ส่วนไอร์แลนด์เหนือและซานมาริโนตกรอบไม่เหลือลุ้นอะไรแล้ว

อันดับบนตารางคะแนนหลังผ่าน 9 นัดเท่ากัน 1. เดนมาร์ก (22 คะแนน – เข้ารอบแล้ว), 2. สโลวีเนีย (19 คะแนน), 3. คาซัคสถาน (18 คะแนน), 4. ฟินแลนด์ (15 คะแนน – ไปเพลย์ออฟ), 5. ไอร์แลนด์เหนือ (6 คะแนน), 6, ซานมาริโน (0 คะแนน)

ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้ว : เยอรมนี (เจ้าภาพ), เบลเยียม, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, สเปน, สกอตแลนด์, ตุรกี, ออสเตรีย, อังกฤษ, ฮังการี, สโลวะเกีย, แอลเบเนีย, เดนมาร์ก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน