เข้าสู่ปีใหม่ 2024 ทัพ “ช้างศึก” ฟุตบอลทีมชาติไทย ก็เตรียมรับศึกใหญ่ทันทีกับการแข่งขัน เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 ซึ่งจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 12 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ประเทศกาตาร์

รายการนี้มี 24 ชาติเอเชียที่ผ่านเข้ารอบมาเล่นในรอบสุดท้าย โดย ทีมชาติไทย อยู่กลุ่มเอฟ ร่วมกับ ซาอุดีอาระเบีย, คีร์กิซสถาน และโอมาน คัดเอา 2 ทีมที่ดีที่สุดแต่ละกลุ่ม รวมถึงอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเมื่อวัดกับกลุ่มอื่นๆอีก 4 ทีมเข้าสู่รอบต่อไป

เมื่อมาถึงรอบสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเจอกับทีมชาติใดถือว่าหนักทั้งหมด อย่าง ซาอุดีอาระเบีย อันดับ 56 ของโลก ก็ถือว่าเป็นทีมระดับโลกไปแล้ว เพราะแทบจะเป็นขาประจำในศึกฟุตบอลโลก ขณะที่เอเชียนคัพ ก็เคยคว้าแชมป์มาแล้ว 3 สมัย รวมถึงมีลีกภายในประเทศที่แข็งแกร่ง มียอดนักเตะระดับโลกมากมาย เดินทางมาค้าแข้ง

ขณะที่ คีร์กิซสถาน ปัจจุบัน รั้งอันดับ 98 ของโลก ในเอเชียนคัพ ครั้งก่อน (ปี 2019) ก็ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย แถมปีนี้ยังมี เบกนาซ อัลมาซเบคอฟ ดาวรุ่งวัย 18 ปี จาก กาลาตาซาราย ยักษ์ใหญ่ในตุรกี เข้ามาเสริมทัพอีก

ส่วน โอมาน อันดับ 74 ของโลก ก็เป็นทีมที่กำลังฟอร์มดี ล่าสุดเพิ่งอุ่นเครื่องชนะ ทีมชาติจีน 2-0 เอเชียนคัพ ครั้งก่อน (ปี 2019) ก็เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเช่นเดียวกับ คีร์กิซสถาน แถมสถิติการพบกับทีมชาติไทย ก็เป็นต่อพบกัน 16 นัด ชนะ 8 เสมอ 5 และแพ้ไทย 3 นัด

ย้อนกลับมาดูที่ ทีมชาติไทย นั้นเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย โดยเพิ่งได้ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือฝีมือดีชาวญี่ปุ่น เข้ามาคุมทัพ แม้จะเพิ่งประเดิมงานแรกได้ไม่ค่อยสวยหรูนัก เพราะอุ่นเครื่องพ่าย ญี่ปุ่น 0-5 แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเสียหายใหญ่โตอะไร

ประการแรกเลย หากย้อนกลับไปดูสถิติของทีมชาติญี่ปุ่น ในยุคนี้แล้ว การที่ไทยจะโดนสัก 5 ประตู อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะตั้งแต่ “ซามูไรบลู” เอาชนะ เอล ซัลวาดอร์ 6-0 ในศึก คิริน ชาเลนจ์ คัพ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม จากนั้นก็เก็บชัยชนะมาแล้ว 8 นัดติดต่อกัน ทีมใหญ่อย่าง เยอรมนี โดนยิงไป 4-1, ตุรกี โดนไป 4-2, ชนะ แคนาดา 4-1 ไล่ถล่มอีก ซีเรีย 5-0 จะเห็นว่าเกมรุกของพวกเขานั้นเป็นอันดับต้นๆของโลกไปแล้ว

อีกประการก็คือ แม้ อิชิอิ จะคลุกคลีกับฟุตบอลไทย มานานพอสมควรแล้ว แต่กับทีมชาติไทย นั้นยังใหม่ และนี่ก็เป็นเพียงเกมแรก หลังจากเข้ารับงานได้ไม่ถึง 2 เดือนดี คงต้องให้เวลาได้พิสูจน์ฝีมืออีกสักนิด ซึ่งในเอเชียนคัพ นี่แหละน่าจะทำให้พอเห็นเค้าลางได้ไม่มากก็น้อย ว่า อิชิอิ คือคนที่เหมาะสมกับทีมชาติไทยหรือไม่

สำหรับโปรแกรมของทีมชาติไทย ในเอเชียนคัพ 2023 จะประเดิมลงสนามนัดแรกพบ คีร์กิซสถาน วันที่ 16 มกราคม จากนั้นจะพบ โอมาน วันที่ 21 มกราคม โดยทั้งสองนัดเตะที่สนามอับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดียม ก่อนที่นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มจะพบกับ ซาอุดดีอาระเบีย วันที่ 25 มกราคม ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม

แฟนบอลไทย คงคาดหวังความสำเร็จ และอยากเห็นฟุตบอลทีมชาติไทย กลับมาสู่ยุคที่น่าเชียร์ เข้าที่เข้าทาง ถ้าอย่างนั้นลองเปิดใจ และอดทนรอความเปลี่ยนแปลงกันอีกสักนิด โดยให้ เอเชียนคัพ เป็นยาใจอีกสักครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน