ซน ฮึงมิน กองหน้ากัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ โพสต์ภาพคู่กับ อี คังอิน รุ่นน้องในทีมชาติ พร้อมกับเปิดใจครั้งแรก หลังมีเรื่องทะเลาะกันในแคมป์โสมขาว
ก่อนหน้านี้หลายสื่อรายงานว่า ซน ฮึงมิน แนวรุกจากสเปอร์ และ อี คังอิน กองกลางจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเป็นแกนหลักของทีมชาติเกาหลีใต้ ได้มีปัญหากันระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ในคืนก่อนเกมรอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 ที่กาตาร์
และผลสุดท้าย การแข่งขันแมตช์ดังกล่าวจบลงด้วยการที่ทีมชาติเกาหลีใต้ พ่ายต่อ จอร์แดน ไป 0-2 และต้องยุติเส้นทางของพวกเขาไว้ที่รอบ 4 ทีมสุดท้าย
จากผลงานและเรื่องราวในแคมป์ทำให้ทางสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ หรือ เคเอฟเอ สั่งปลด เจอร์เกน คลินส์มันน์ กุนซือชาวเยอรมัน ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมและกำลังอยู่ระหว่างเฟ้นหาโค้ชใหม่
ล่าสุด ซน ฮึงมินออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นนี้ครั้งแรกหลังจากจบศึกเอเชียน คัพ โดยโพสต์ข้อความว่า
“สวัสดีครับ นี่คือ ซน ฮึงมิน วันนี้ผมจะมาพูดอะไรที่ค่อนข้างหนักและยากนิดหน่อย”
“คังอิน ได้ไตร่ตรองถึงการกระทำของเขาอย่างจริงใจ และได้ขอโทษผู้เล่นทีมชาติทุกคนอย่างจริงใจ รวมถึงผมด้วย”
“ตอนที่ผมยังเด็ก ผมเคยสร้างข้อผิดพลาดมากมาย และแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่ผมคิดว่าผมสามารถมาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ เพราะคำแนะนำดีๆจากรุ่นพี่ที่ดีของผม”
Advertisement
“เพื่อป้องกันไม่ให้คังอินทำสิ่งที่ผิดแบบนี้อีก ผู้เล่นของเราทุกคน ในฐานะรุ่นพี่ในทีมชาติและกัปตันทีม จะให้มีการดูแลพิเศษจากฝั่งของคังอินเพื่อที่จะเขาจะสามารถเติบโตเป็นคนและผู้เล่นที่ดีขึ้น”
“ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองก็ทำหน้าที่ได้ดีเหมือนกัน แต่ผมคิดว่ามันเป็นการกระทำที่อาจได้รับการวิจารณ์อย่างดี อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของกัปตันทีมที่ต้องทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เพื่อทีม ดังนั้น หากผมต้องเผชิญกับสถานกาณณ์แบบเดิมอีกครั้ง ผมก็จะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของทีม อย่างไรก็ตาม ผมจะมุ่งมั่นในการพาเพื่อนร่วมทีมของผมอย่างชาญฉลาดมากขึ้นในอนาคต”
“คังอินกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้โปรดยกโทษให้ผมแค่ครั้งเดียว ด้วยหัวใจที่เอื้อเฟื้อ ในฐานะกัปตันทีมชาติ ได้โปรด”
“และในบรรดาเรื่องราวที่หลุดออกมานั้น เนื้อหาเกี่ยวกับการแบ่งแยกในทีมชาตินั้นไม่ใช่ความจริงเลย และเราพยายามที่จะมองทีมให้เป็นหนึ่งเดียวอยู่เสมอ”
“พวกเราขอโทษอย่างจริงใจที่ก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายดังกล่าว แม้ว่าเราจะได้รับความรักจากฟุตบอล และเราจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมชาติเกาหลีใต้กลายเป็นทีมที่เติบโตต่อไปในอนาคต”
“ในฐานะกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ผมต้องขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้งหนึ่ง”