ยิงปืน เดือดอีกรอบ บิ๊กแจ๊ส VS สกล เปิดนโนบายชิงเก้าอี้นายก วันที่ 24 ก.พ.67 จับตาตัดสิทธิ์ 9 สโมสรตัวแปรวัดชัยชนะ ส่อฟ้องกันวุ่นถึงศาลปกครอง
ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่สมาคมกีฬายิงปืนฯ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก เริ่มเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่เนื่องจากนายสกล วรรณพงษ์ ครบวาระบริหารงาน 4 ปี โดยมีผู้สมัคร 3 คน ประกอบด้วย นายสกล วรรณพงษ์, “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และ น.ส.โศภิศรา ทิพยมณฑล เลขาธิการชุดปัจจุบัน
ทั้งนี้มีสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์โหวตมีทั้งสิ้น 37 สโมสร แต่จากการประกาศของสมาคมฯ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 มี 9 สโมสรสมาชิกสามัญของสมาคมถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากทำผิดข้อบังคับของสมาคม ประกอบด้วย RUENGLANNA CLUB โดยมี น.ส.ปนิษฐา เรืองปัญญาวุฒิ ประธานสโมสร / เพทาย โดย น.ส.สิรินทรา จุลเสนีย์ชร เป็นประธานสโมสร / เรืองล้านนา โดย น.ส.รัมภา เรืองปัญญาวุฒิ เป็นประธานสโมสร / พ่อตากสิน โดย ผศ.ทศพร เหรียญเจริญ เป็นประธานสโมสร / วชิระ โดย นางมุกดา พวงทอง เป็นประธานสโมสร / ไพฑูรย์ โดยนายเลิศศรัณ เทียนประเสริฐ เป็นประธานสโมสร / รัตนราช โดยนายสุรัตน์ พวงทอง เป็นประธานสโมสร / จันทรกานต์ โดย นายธนพล พวงทอง เป็นประธาน / บุษราคัม (Toppaz ) โดยนายเสน่ห์ หนูพันธ์ เป็นประธานสโมสร
โค้งสุดท้ายก่อนการชี้ชะตาอนาคตวงการยิงปืนไทย รายงานข่าวแจ้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกันแค่ 2 คนระหว่าง “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กับนายสกล วรรณพงษ์ โดยเสียงสนับสนุน ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ก่อนยกโหวตเพียงวันเดียว ในกรณีมี 37 เสียงเต็ม บิ๊กแจ๊ส จะมีเสียงสนับสนุน 24 เสียง นายสกล มี 13 เสียง แต่กรณีตัดไป 9 สโมสรตามคำสั่งตัดสิทธิ์ของสมาคม จะทำให้สถานการณ์เวลานี้ มี 13-13 เสียง และอีก 2 เสียงที่เหลือยังเป็นตัวแปรสำคัญในการชี้ขาดว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง
“บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่สนใจจะมาชิงเก้าอี้ แต่เมื่อได้รับเสียงเรียกร้องจากบรรดาผู้ปกครองนักกีฬา รวมถึงสโมสรต่างๆ เพื่อต้องการให้ตนเข้ามากอบกู้สมาคมที่ผลงานนักกีฬาตกต่ำ อาคารสถานที่ก็ย่ำแย่ ส่วนตัวไม่ชอบความขัดแย้งอะไรอยู่แล้ว แต่ได้มารับฟังปัญหาในสมาคมเยอะ ทั้งเรื่องทุจริตคอร์รัปชันเอากระสุนปืนไปขายกันจึงตัดสินใจมาลงสมัคร ถ้าเราชนะเลือกตั้งเข้าไป จะช่วยกันพัฒนาวงการยิงปืนไทย จะประสานผู้ใหญ่อย่าง พล.ต.ท. มาโนช ไกรวงษ์ มานั่งประธานที่ปรึกษา ตอนนี้ผลงานนักยิงปืนไทยตกลงไปเป็นเบอร์ 3-4 ของอาเซียน เราต้องทำให้เรายกระดับไปเป็นเบอร์ต้นๆ ของเอเชียเพื่อต่อยอดไปสู่โอลิมปิกเกมส์ ขวัญกำลังใจนักกีฬาต้องดี อาคารสถานที่ต้องดี ประเด็นเรื่องการตัดสิทธิ์ 9 สโมสรสมาชิกเป็นตัวแปรสำคัญเพราะทั้ง 9 สโมสรสนับสนุนตนทั้งหมด คณะกรรมการไกล่เกลี่ยของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็ตัดสินไปแล้วว่า นายกสมาคมไม่มีอำนาจตามข้อบังคับใดในการตัดสิทธิ์ 9 สโมสรออก หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้พวกสโมสรที่ถูกตัดสิทธิ์คงไปยื่นฟ้องร้องที่ศาลปกครองกันต่อไป
ขณะที่ นายสกล วรรณพงษ์ ที่หวังนั่งนายกเป็นสมัยที่ 2 เปิดเผยว่า นโยบายหลักที่จะบริหารงานต่อในอีก 4 ปีมี 2 อย่างคือ 1. การบริหาร ทั้งเรื่องการบริหารคณะกรรมการบริหาร, การบริหารสโมสรสมาชิก, การบริหารสำนักงาน เรื่องที่ 2. การพัฒนา จะแบ่งเป็น 2 ประการคือ บุคลากรยิงปืน พัฒนาสถานที่ 4 ปีแรกเราเจอปัญหานักกีฬาผลงานไม่ดี ผลพวงจากอดีตก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่ 4 ปีนับจากนี้หากได้ทำต่อจะเน้นพัฒนานักกีฬาอย่างเต็มตัว รวมถึงเฟ้นหาช้างผือกจาก 5 ภูมิภาคเข้าทีมชาติ นักกีฬาหน้าใหม่ต้องแจ้งเกิด ส่วนหน้าเก่าต้องพัฒนาขึ้นตามลำดับ เรื่องต่อมาคือ ผู้ตัดสิน ต้องผ่านการอบรมจากสหพันธ์ยิงปืนนานาชาติ (ISSF) เช่นเดียวกับผู้ฝึกสอน ที่ต้องยกระดับขึ้นมา ส่วนเรื่องเป้าอิเล็กทรอนิกส์ จะหาใหม่มาใช้ยี่ห้อ “เมกะลิงค์” ยกเลิกยี่ห้อเดิม”ซีอุส” ที่มีปัญหาเรื่องหมายศาลมายึดอุปกรณ์ รวมถึงต้องติดแอร์ห้องระยะ 10 เมตร, 25 เมตร ขณะเดียวกันปีหน้า 2568 เราเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ก็จะได้งบฯ ปรับปรุงสนามปืนยาวระยะ 50 เมตรอีก เรื่องเสียงสนับสนุนเวลานี้ต้องบอกว่าสูสีกันมาก แม้ยอมรับว่าเป็นรองเล็กน้อย แต่ก็ใจสู้ และจะสู้ทุกทาง