ปอล ป็อกบา นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส หวังใช้เคสของ ซิโมนา ฮาเลป นักเทนนิสสาวเป็นกรณีศึกษา เพื่อลดโทษจากการใช้สารต้องห้าม

ป็อกบา โดนโทษห้ามลงเตะเป็นเวลา 4 ปี เนื่องจากถูกตรวจพบระดับ ฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน สูงกว่าปกติ ซึ่งแทบจะเป็นการปิดฉากเส้นทางค้าแข้งเพราะกว่าจะกลับมาได้อีกครั้งต้องรอถึงอายุ 34 ปี หรือ ปี 2028 อย่างไรก็ตาม นักเตะดีกรีแชมป์โลก 2018 กลับมามีความหวังในการอุทธรณ์โทษ กับศาลอนุญาโตตุลาการทางการกีฬา (ซีเอเอส) เนื่องจาก ซิโมนา ฮาเลป อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกจากโรมาเนีย เพิ่งจะสามารถอุทธรณ์โทษจาก 4 ปี เหมือนกัน เหลือเพียง 9 เดือน และ นักเทนนิสสาว ได้กลับมาลงแข่งขันแล้ว

โดย ฮาเลป ถูกตรงพบการใช้สาร Rozadustat ซึ่งกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงระหว่างลงแข่งขันศึกแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพ่น เมื่อเดือน ส.ค.2022 และยืนยันว่า ที่ ผลตรวจที่เป็นบวกนั้นมาจากการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารปนเปื้อน ซึ่งถือว่าคล้ายคลึงกัน และ ทีมกฎหมายของป็อกบา อาจนำกรณีนี้ใช้ต่อสู้ในชั้นศาลกับ หน่วยงานต่อต้านการใช้สารต้องห้ามของ อิตาลี ได้ รวมถึงมีโอกาสที่ทีมทนายของป็อกบาจะใช้เหตุผล โทษแบนที่รุนแรงเกินไป เนื่องจาก ฮาเลป ถูกแบนตอนอายุ 31 ปี และ โทษดังกล่าวถือว่าคุกคามนักกีฬาในช่วงบั้นปลายของอาชีพเกินไป ซึ่งป็อกบาเองก็จะอายุ 31 ในเดือน มี..นี้

โฮเวิร์ด จาค็อบ ทนายของฮาเลป เผยว่าสิ่งที่ชัดเจนในกรณีของ ฮาเลป นั้น เพียงเพราะศาลชั้นต้นระบุว่าโทษคือ 4 ปี ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดโยง เรามีสิทธิ์อุทธรณ์ เว้นแต่ สารกระตุ้น นั้น นักกีฬาจะต้องพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความไม่ตั้งใจ คุณต้องพิสูจน์ได้ว่าสารนั้นเข้าสู่ร่างกายอย่างไร มันไม่ยากที่จะพิสูจน์ว่า คุณไม่ได้ตั้งใจละเมิด ผมเองไม่ทราบรายละเอียด(ของป็อกบา) มากนัก จึงไม่สามารถบอกได้ว่าการพิสูจน์แหล่งที่มาจะเป็นปัญหาหรือไม่ กับโทษเริ่มต้น 4 ปี ถ้าพิสูจน์ได้ เบื้องต้นโทษจะลดลง 2 ปี และสามารถลดลงได้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน