การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ มิวนิก ฟุตบอล อารีนา (อัลลิอันซ์ อารีนา) เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี “ผีดิบ” โรมาเนีย ลงสนามพบ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์
โดยรอบที่ผ่านมา โรมาเนีย เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มอี มี 4 คะแนน ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ผ่านเข้ามาเป็นอันดับ 3 กลุ่มดี มี 4 คะแนน
สำหรับเกมนี้ โรมาเนีย มาในระบบ 4-1-4-1 : ฟลอริน นิตา : อังเดร ราติอู, ราดู ดรากูซิน, อังเดร บูร์คา, วาซิเล โมโกส : มาริอุส มาริน : เดนนิส มาน, นิโคเล สตานชิอู, ราซวาน มาริน, ยานิส ฮาจี : เดนิส ดรากุส
ส่วน เนเธอร์แลนด์ มาในระบบ 4-3-3 : บาร์ต แฟร์บรูกเกน : เดนเซล ดุมฟรีส์, สเตฟาน เดอ ไฟร, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, นาธาน อาเก : เยอร์ดี สเคาเตน, ชาวี ซิโมนส์, ทิจจานี ไรน์เดอร์ส : สตีเฟน เบิร์กไวน์, เมมฟิส เดอปาย, โคดี กักโป
เริ่มครึ่งแรกเป็น เนเธอร์แลนด์ ที่ครองบอลบุกได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากไล่บดอยู่พักใหญ่ ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาที 20 จากความสามารถของ โคดี กักโป ที่โยกหลอกผู้เล่นโรมาเนีย ตัดเข้ามาตรงกลาง ก่อนจะยิงยัดเสาแรก เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
หลังจากนั้น เนเธอร์แลนด์ ยังคงครองบอลบุกแทบจะฝั่งเดียว แต่ก็ยังใช้โอกาสกันเปลืองทำให้ยังยิงเพิ่มไม่ได้ ขณะที่ โรมาเนีย เพิ่งมาเริ่มตั้งเกมของตัวเองได้ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก สร้างโอกาสยิงได้ 1-2 จังหวะ แต่ก็ยังไม่มีอะไร ทำให้จบครึ่งแรก เนเธอร์แลนด์ ออกนำ โรมาเนีย 1-0
ครึ่งหลัง เนเธอร์แลนด์ ผ่อนเกมบุก หันมาเซ็ตบอลเน้นความแน่นอน เปิดโอกาสให้ โรมาเนีย ได้มีโอกาสทำเกมของตัวเองบ้าง อย่างไรก็ตามยังเป็นเนเธอร์แลนด์ ที่ได้ลุ้นมากกว่า นาที 63 โคดี กักโป ได้ชาร์จจ่อๆ หน้าประตูเข้าไป แต่เมื่อเช็กวีเออาร์แล้ว โดนจับเป็นลูกล้ำหน้า
เกมยังดำเนินต่อไป และเป็นเนเธอร์แลนด์ ที่มาได้ประตูหนีเป็น 2-0 จนได้ ในนาที 83 จากจังหวะ โคดี กักโป ที่ใช้ความแข็งแกร่งเลี้ยงตัดเส้นเข้ามาในกรอบ ก่อนจ่ายให้ ดอนเยลล์ มาเลน ยิงจ่อๆเข้าไป
เท่านั้นไม่พอช่วง ทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+3 เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูปิดกล่อง จาก ดอนเยลล์ มาเลน คนเดิม ที่สวนกลับพาบอลขึ้นมาจากแดนตัวเอง ก่อนจะหาช่องยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้จบเกม เนเธอร์แลนด์ เอาชนะ โรมาเนีย 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง ออสเตรีย กับ ตุรกี