แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยเหนือเลสเตอร์ ซิตี้ ประเดิมรักษาการกุนซืออย่าง รุด ฟาน นิสเทลรอย ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะหวิว ผ่านเข้ารอบถ้วย คาราบาว คัพ
การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ อังกฤษ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ศึกระหว่าง 2 ทีมจากพรีเมียร์ลีก “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ “สุนัขจิ้งจอก”เลสเตอร์ ซิตี้
เกมนี้เจ้าบ้านได้ รุด ฟาน นิสเทลรอย ประเดิมทำหน้าที่รักษาการผู้จัดการทีมคุมเตะ โดยส่ง โจชัว เซิร์กเซ, บรูโน แฟร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนใช้งาน จอร์แดน อายิว, บิลัล เอล คานนูสส์, เคซีย์ แม็กเอเทียร์
นาที 15 อเลฮานโดร การ์นาโช ได้บอลทางฝั่งซ้ายแล้วจ่ายย้อนหลังไปเข้าเท้า คาเซมิโร แต่งแล้วยิงด้วยขวาจากระยะประมาณ 30 หลา บอลพุ่งเช็ดคานเข้าไปอย่างสุดสวย แมนฯ ยูไนเต็ดนำ 1-0
นาที 28 คาเซมิโร โยนบอลขึ้นหน้าให้ ดิโอโก ดาโลต์ โฉบมารับทางด้านขวา ก่อนที่ดาโลต์จะปาดไปเสาสองให้ อเลฮานโดร การ์นาโช ยิงเสียบตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ดทิ้งห่าง 2-0
นาที 33 บ๊อบบี เด คอร์โดวา-รีด เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากลาง ผู้รักษาประตูชกสกัดไม่ขาดมาเข้าเท้า บิลัล เอล คานนูสส์ ยิงในพื้นที่เขตโทษลูกเสียบมุม เลสเตอร์ไล่มาเป็น 1-2
นาที 36 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิกบริเวณเส้นหัวกะโหลกหน้าเขตโทษ บรูโน แฟร์นานเดส ยิงไปแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางเข้าประตูไป เจ้าถิ่นนำ 3-1
นาที 39 มาร์คัส แรชฟอร์ด เปิดบอลเข้ากลาง คาเซมิโร กระโดดขึ้นโขกชนเสาด้านหนึ่งแล้วกระเด้งไปชนเสาอีกด้านโดยที่ไม่มีนักเตะคนไหนเล่นได้ และเป็นคาเซมิโรที่จมูกไวตามไปยิงซ้ำเองเสียบตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ดทิ้งห่าง 4-1
นาที 45+3 เลสเตอร์ได้ฟรีคิกระยะไกล ลุก โธมัส เปิดไปหน้าประตูแล้วแนวรับแมนฯ ยูไนเต็ดสกัดพลาดมาเข้าทาง คอเนอร์ โคดี ยิงแบบจ่อๆ ไม่เหลือซาก ทีมเยือนจึงไล่มาอีกลูก จบครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดนำอยู่ 4-2
ครึ่งหลังนาที 59 กองหลังเลสเตอร์สกัดบอลได้แต่ดันจ่ายคืนผู้รักษาประตูเบาเกินไป บรูโน แฟร์นานเดส จึงตามไปฉกได้ ก่อนโชว์ทักษะคลึงหลบผู้รักษาประตูแล้วยิงเข้าสู่ก้นตาข่ายที่ไร้คนขวาง แมนฯ ยูไนเต็ดนำ 5-2
นาที 66 เลสเตอร์เกือบได้เพิ่มอีกประตู โอลิเวอร์ สคิปป์ จ่ายบอลให้ บูบาคารี ซูมาเร ยิงจากบริเวณหน้าเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือนายทวารไปชนคานเต็มๆ หมดเวลาแมนฯ ยูไนเต็ดชนะ 5-2 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ

(Action Images via Reuters/Peter Cziborra)
อีกคู่ที่น่าสนใจเป็นศึกระหว่าง 2 ทีมพรีเมียร์ลีกเช่นกัน “นกนางนวล”ไบรตัน เปิดสนามอเมริกัน เอ็กซ์เพรส สเตเดียม รับการมาเยือนของแชมป์เก่า “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล
ครึ่งแรกยังไม่มีฝั่งไหนเจาะตาข่ายกันได้ ทำให้สกอร์เสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังนาที 46 ไทเลอร์ มอร์ตัน กระดกบอลไปทางกราบซ้าย โคดี กักโป รับได้แล้วเลี้ยงผ่านกองหลังบุกเข้าสู่ริมเขตโทษ จากนั้นจึงยิงเสียบเสาสองสุดสวย ลิเวอร์พูลนำ 1-0
นาที 49 ทาริก แลมป์ตีย์ กระชากบอลผ่านกองหลังทางกราบขวา ก่อนเปิดเข้ากลางให้ ซิมง อาดินกรา กระโดดขึ้นโขก วิเตสลาฟ ยาโรส กระโดดปัดลูกไปชนเสา ไบรตันตีเสมอไม่สำเร็จ
นาที 63 แนวรับไบรตันสกัดบอลในแดนตัวเองพลาด โคดี กักโป จึงฉกได้แล้วพาบุกไปเองจนเข้าพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวาเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด ลิเวอร์พูลทิ้งห่าง 2-0
นาที 81 ผู้เล่นลิเวอร์พูลจ่ายบอลเสียในแดนตัวเอง อีแวน เฟอร์กูสัน ฉกได้แล้วยิงจากนอกเขตโทษ ผู้รักษาประตูล้มตัวปัดกระฉอกมาเข้าทาง ซิมง อาดินกรา ตามซ้ำดาบสองเข้าไป ไบรตันไล่มาเป็น 1-2
นาที 85 แนวรับไบรตันสกัดบอลไม่ขาดทำให้ยังลอยอยู่ในเขตโทษตัวเอง ก่อนจะเป็น หลุยส์ ดิอาซ ที่เก็บได้แล้วค่อยๆ หาช่อง กระทั่งสบโอกาสยิงด้วยขวาเข้าไป ลิเวอร์พูลนำห่างอีกครั้ง 3-1
นาที 90 ไบรตันเปิดบอลเข้ากลางแล้วกองหลังลิเวอร์พูลโหม่งสกัดไม่ดี ทาริก แลมป์ตีย์ ดักได้แล้วยิงจากบริเวณหน้าเขตโทษ บอลแฉลบขาผู้เล่นคู่แข่งเปลี่ยนทางเข้าประตู โดยที่นายทวารหลงทางทำให้หมดสิทธิ์เซฟ แต่จบเกม “หงส์แดง” ก็ชนะอยู่ดี 2-3
ผลคู่อื่น
แอสตัน วิลลา (พรีเมียร์ลีก) 1-2 คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีก)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก) 2-0 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
เปรสตัน นอร์ทเอ็นด์ (แชมเปียนชิพ) 0-3 อาร์เซนอล (พรีเมียร์ลีก)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (พรีเมียร์ลีก) 2-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)