ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โต้ข่าว ทีมบิ๊กป้อม กดดัน กกท. ล้มเลือกตั้งว่ายน้ำ หลังบิ๊กป้อมแพ้ ชี้ทำตามกฎหมายใครก็กดดันไม่ได้
จากการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ซึ่ง พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เอาชนะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยคะแนน 231-22 เสียง ทำให้ “บิ๊กป้อม” ตกที่นั่งลำบากในการลุ้นนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ สมัยที่ 3 ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ในเดือนมีนาคม 2568 เนื่องจากไม่มีตำแหน่งนายกสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” รับรองสถานะ แต่ยังมีช่องทางในการให้สมาคมกีฬาใดกีฬาหนึ่งส่งชื่อ “บิ๊กป้อม” เป็นผู้แทนสมาคมมาทำหน้าที่คณะกรรมการบริหารโอลิมปิคไทยแล้วต่อยอดไปสู่เก้าอี้ประธานโอลิมปิคไทยสมัยที่ 3
อีกด้านหนึ่งมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ด่วน เพื่อจัดสรรตำแหน่งในส่วนของ “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ให้ พล.อ.ประวิตร ได้อยู่ในคณะกรรมการบริหารโอลิมปิคฯ ให้ได้ แต่ก็ต้องยกเลิกการประชุมไปหลังเป็นข่าวออกไปตามสื่อ ทั้งๆ ที่ตามข้อบังคับบ้านอัมพวัน ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ จำเป็นต้องมีตำแหน่ง “นายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย” แต่ยังมีช่องทางอื่นเพื่อไปสู่ตำแหน่งอีกเช่นกัน
จากนั้นมีกระแสข่าวว่า มีความพยายามที่จะกดดันให้ พล.ท.บุญชัย ลาออกจากตำแหน่ง และกดดันการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ให้รับการรับรองการเลือกตั้ง เพื่อให้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมใหม่อีกครั้ง
ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า สำหรับการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำฯ กกท.มีผู้แทนเข้าไปสังเกตการณ์ในวันเลือกตั้งด้วย โดยขั้นตอนต่อจากนี้ก็จะเป็นไปตามขั้นตอนปกติเหมือกับทุกสมาคมกีฬา เมื่อมีเรื่องร้องเรียนมา เราต้องตรวจสอบว่าเป็นไปตามกฏหมายข้อบังคับหรือไม่ หรือการดำเนินการในการประชุมที่มีสิ่งผิดปกติหรือไม่อย่างไร ถ้าไม่มี ตามกระบวนการทุกอย่างเราก็จะรับรองผลการเลือกตั้ง จากนั้นก็จะมีผลทันทีในเรื่องการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคม และกรรมการบริหาร ซึ่งจะโยงไปในตำแหน่งกรรมการบริหารของคณะกรรมการโอลิมปิคไทยด้วย
“สมาคมกีฬาทางน้ำฯ ถือเป็นสมาคมใหญ่ที่เป็นสมาชิกอยู่ในโอลิมปิคไทยฯ ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการไม่มีผลกระทบในด้านกีฬาต่างๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เราก็จะมีการรับรองผลการเลือกตั้งตามข้อกฏหมายที่มีระยะเวลากำหนด ซึ่งเราก็ต้องรอดูอีกนิดหนึ่งว่าจะมีเรื่องร้องเรียนหรือไม่ หรือเรื่องต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ แต่ในชั้นนี้ก็ยังเป็นไปตามกระบวนการปกติ ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนอะไร และเท่าที่ได้สอบถามจากเจ้าหน้าที่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”
ส่วนกรณีกระแสข่าวมีความพยายามกดดัน กกท.ไม่ให้รับรองผลการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำฯ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า “อันนี้คงทำไม่ได้ ในเรื่องการบีบ กกท.ไม่ให้รับรอง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเรามีกระบวนการที่เราต้องปฏิบัติตามกฏหมาย ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย คนแรกที่จะโดนคือผมในฐานะนายทะเบียนที่จะโดนมาตรา 157 เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนกฏหมาย กกท.ต้องปฏิบัติตาม จะไม่มีเรื่องการทำอะไรให้ฝืนกระบวนการธรรมชาติ แต่ถ้ามีคนร้องเรียน มีมูลจริง ต้องสอบข้อเท็จจริง และถ้ามีความผิดปกติจริง เราก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฏหมายอีกนั่นแหละก็คือ การระงับ และให้มีการเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหม่
“ส่วนเรื่องกดดันให้ว่าที่นายกสมาคมลาออกนั้น ผมไม่ทราบ เพราะว่าไม่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กกท.เลย แต่ถ้ามีเรื่องผิดปกติมา กกท.มีหน้าที่แค่รับเรื่องเท่านั้นเอง ถ้ามีการร้องเรียนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ เราต้องรับหมด เพราะว่าเราเป็นนายทะเบียน ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ กระบวนการจากนั้นไม่เกิน 1 เดือนทุกอย่างก็จะเรียบร้อย หรืออาจจะเร็วกว่านั้นด้วย โดยตอนนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนอะไร สิ่งที่รอระยะเวลาอีกนิดหนึ่งก่อนที่จะมีการรับรองเราก็จะต้องทำให้เป็นไปตามกฏหมาย ถ้ามีการร้องเข้ามาเราก็จะมาดูว่าคำร้องมีเหตุมีผลหรือไม่ ถ้าเป็นอะไรเลื่อนลอย รับฟังไม่ได้ ตรงนี้ก็จะไม่ไปกระทบต่อระยะเวลาในการรับรอง แต่ถ้าเราดูแล้วมีพยานหลักฐานมีมูลที่ส่อให้เห็นถึงความไม่ปกติจริง ระยะเวลาก็ต้องเลื่อนออกไป” ผู้ว่าการ กกท.กล่าวปิดท้าย