ความเคลื่อนไหวกระบวนการสรรหาผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเปิดรับสมัครระหว่าง 9-23 เม.ย. เพื่อเข้ามารับตำแหน่งแทนที”บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการ 30 มิ.ย.นี้ ล่าสุดเมื่อ 20 เม.ย.ที่ชั้น 6 ฝ่ายทรัพยากรบุคคล การกีฬาแห่งประเทศไทย นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการกกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นผู้สมัครคนแรกที่เข้ามายื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการในเวลา 9.30 น. จากนั้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ เป็นรายที่สองที่เข้ามายื่นใบสมัครในช่วงเวลา 11.22 น. และ นายราเชลล์ ได้ผลธัญญา รองผู้ว่าการฝ่ายส่งเสริมกีฬา ที่ยื่นปิดท้ายในเวลา 12.00 น.
โดย “รองตูน” นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ถึงการสมัครเข้าชิงชัยตำแหน่งผู้นำสูงสุดของการกีฬาแห่งประเทศไทยว่า ตนเองมีความพร้อม และมีความมั่นใจที่จะเข้าสู่กระบวนการสรรหา ทุกวันนี้วงการกีฬาไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลกเนื่องจากเจ้าหน้าที่กกท. และ สมาคมทุกคนทำงานหนัก เพื่อปูทางมาแล้ว ซึ่งเราจะต้องสานต่อสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ไทยเป็นสปอร์ต เดสติเนชั่น อย่างแท้จริง สำหรับตนเองมีแนวคิดที่อยากทำมากกว่า 10 โครงการที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหา
ด้าน “เสี่ยโต้ง”นายสิริพงศ์ นักธุรกิจชื่อดังจากศรีสะเกษ วัย 41 ปี เจ้าของบริษัทสิริมงคล พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งลาออกจากบอร์ดกกท. เพื่อชิงชัยตำแหน่งนี้ กล่าวว่า ตนได้รับโอกาสให้ทำงานกีฬา 6 ปีในฐานะนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งได้เข้ามาเป็นบอร์ดกกท. ทำให้รับรู้ถึงปัญหาด้านกีฬาภูมิภาคค่อนข้างมาก ตอนแรกก็ลังเลว่าจะสมัครดีหรือไม่ แต่จุดเปลี่ยนคือปัญหาเรื่องของงบสมาคมกีฬาจังหวัดต่างๆปกติก็ได้น้อยอยู่แล้ว มาโดนตัดให้น้อยลงไปอีก จนสมาคมกีฬาจังหวัดไม่มีทางทำงานได้ คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง จึงเข้ามาสมัครเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน กกท.เอง ควรมีการปรับรูปแบบองค์กรเป็นหน่วยงานที่รับฟัง และแก้ไขปัญหามากกว่า เป็นคนวางกฏให้สมาคมกีฬาเดินตาม
นายราเชลล์ ซึ่งมานั่งรอหน้าโต๊ะรับสมัครถึง 5 นาทีก่อนจะลงชื่อในเวลา 12.00 น.ตามฤกษ์ยามที่วางไว้ กล่าวว่า ตนทำงานเป็นลูกหม้อกกท.มาตั้งแต่ปี 2536 จนปัจจบันรวม 35 ปีได้เห็นหลายอย่างและในฐานะคนกกท.นี่คือโอกาสที่จะได้ทำงานตอบแทนองค์กร และแผ่นดิน ซึ่ง 10 ปีหลังตนเองสัมผัสได้ถึงปัญหาภายในมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ไม่ได้ใช้ระบบการบริหารทรัพยาการบุคคลที่แท้จริง ซึ่งทำให้พนักงานขาดขวัญกำลังใจ จึงอยากแก้ไขเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องแรกๆ ขณะเดียวกันก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาสังคม และ เศรษฐกิจ โดยนำกีฬามาเป็นเครื่องมือ
