ออกหมายกำหนดการ18ตค.

‘ในหลวง’เสด็จฯทรงยกฉัตร

ประดิษฐานยอดพระเมรุมาศ

ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว100%

รัฐบาลออกบัตรเชิญผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ‘ในหลวง รัชกาลที่ 9’ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 26 ต.ค. สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการ ‘สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ เสด็จฯ วันที่ 18 ต.ค.นี้ ทรงยก ‘นพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ’ ถือว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ พร้อมสำหรับพระราชพิธีสำคัญ รบ.เปิดแล้วศูนย์สื่อมวลชนที่ มธ.ท่าพระจันทร์ ถ่ายทอดวิทยุ 5 พันสถานีทั่วประเทศ รวมทั้งแพร่ภาพถ่ายทอดเสียงไปยัง 177 ประเทศทั่วโลก ขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้ร่มสีดำ หรือสีเทา กางกันแดดยามจำเป็นขณะชมการซ้อม และในวันพระราชพิธีจริง

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 18 ต.ค. ดังนี้

เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงยังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง โดยรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร, พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศงานพระราชพิธี นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการ เฝ้าฯ รับเสด็จ

การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอาสน์ที่หน้ามุขพระที่นั่งทรงธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการ กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุมาศ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร ต่อมานายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ถวายสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตร และดุริยางค์ เมื่อนพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสายสูตรคืนอธิบดีกรมศิลปากร รับไปผูกไว้ที่เสาบัว ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรมและพระเมรุมาศ ตามพระราชอัธยาศัย และเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราช ทานพระราชานุญาตให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้ประชาชนถวายสักการะ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เปิดให้เข้าถวาย สักการะเป็นวันที่ 5 มีประชาชนทั่วทุกสารทิศเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำนักพระราชวังเปิดให้เข้าถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันที่ 21 และ 22 ต.ค. เนื่องจากจะมีการซ้อมในพื้นที่จริง และซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการร่วม พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นพล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมว่าขณะนี้ทุกอย่างเรียบร้อย 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงพระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศเสร็จแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพระจิตกาธานเผาดอกไม้จันทน์นั้น กำลังจัดสร้างคาดว่าแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ต.ค.

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ กล่าวว่างานก่อสร้างพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างโดยรอบเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะพระเมรุมาศ เหลือนั่งร้านไว้ตรงกลาง โดยวันที่ 17 ต.ค. จะซักซ้อมยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร ก่อนในวันที่ 18 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนิน ยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแล้วจะรื้อนั่งร้านออก ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ และวันที่ 20 ต.ค. จะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าชมความสมบูรณ์ของการก่อสร้างทั้งหมด

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการสำรวจโรงแรมรอบพื้นที่พระราชพิธี พบว่าเต็มหมด นักท่องเที่ยวสามารถมาชมงานพระราชพิธีได้ ขอให้ทางโรงแรมแนะนำ นักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เหมาะสม หากมีข้อสงสัยอะไร สอบถามได้ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอด 24 ชั่วโมง และหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีแล้ว จะจัดนิทรรศการให้เข้าเยี่ยมชมพระเมรุมาศ โดยเปิดจุดทางเข้าสนามหลวง 5 จุด แบ่งเป็นคนไทย 3 จุด คนพิการและพระสงฆ์ 1 จุด และนักท่องเที่ยว 1 จุด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกฯกล่าวว่า จากการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในพื้นที่จริงเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกันสังเกตว่าประชาชนที่มาร่วมชมการซ้อม แต่งกายด้วยชุดเรียบร้อย สีดำล้วน แต่ถ้าไม่ใช้ร่มที่มีสีสันจะเป็นสิ่งที่ดีมาก รัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ใช้ร่มสีดำ หรือสีเทากางกันแดดในยามจำเป็นทั้งการ มาร่วมชมการซ้อม และในวันพระราชพิธีจริง

นางพัชราภรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ระหว่างการเคลื่อนริ้วขบวนที่ 2 ปรากฏว่าเสียงกลองดังไม่ค่อยชัด มีเสียงซ้อนกับเสียงปี่พาทย์ และเสียงอื่นๆ แต่ทุกคนก็ยังเดินจังหวะเปลี่ยนเท้าได้ต่อไป แต่เมื่อเข้าสู่การเปลี่ยนเข้าริ้วขบวนที่ 3 เวียนรอบพระเมรุมาศ ในส่วนนี้ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งกับ นายกฯว่า ต้องปรับการบรรเลงดนตรี 3 ส่วน คือการบรรเลงเพลงบัวลอย กลองใหญ่ ปี่พาทย์ โดยสมเด็จพระเทพฯ รับสั่งว่าด้านหลังขบวนไม่ได้ยินเสียงจากจังหวะกลอง จึงจะขอให้ใช้เสียงกลองใหญ่เป็นเสียงนำ ซึ่ง ผบ.ทสส. รับเรื่องนี้ไปปรับปรุง

ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่าขณะเดียวกันรัฐบาลทำบัตรเชิญผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในพระราชพิธี วันที่ 26 ต.ค. จำนวน 5,000 ใบ หน้าปกบัตรเชิญเป็นภาพพระเมรุมาศบนพื้นสีเทา ปกหลังเป็นตราสำนักนายกฯ โดยบัตรเชิญนี้เป็นสิ่งมีค่า เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานลายขอบ เป็นลายไทยที่กรมศิลปากรจัดทำมาให้ทรงเลือกให้ไปปรากฏบนบัตรเชิญ

นางพัชราภรณ์กล่าวว่า และจากการที่คณะกรรมการจัดทำบัตรเชิญ ส่งร่างถ้อยคำในบัตรกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปรับแก้ไขถ้อยคำดังกล่าว ทั้งที่เป็นภาษาไทยและอังกฤษ จากเดิมที่ระบุเพียง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เพิ่มคำว่าในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระ บรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และไม่มีบัตรเชิญใดในโลกที่พระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงทำถวายสมเด็จพระบรมราชชนก จึงอยากให้คนไทยได้รับทราบ ซาบซึ้งในสิ่งที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงทำไว้

ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เปิดศูนย์สื่อมวลชนงานพระราชพิธี โดยนายออมสินกล่าวว่า ประกอบด้วยศูนย์สื่อมวลชน ศูนย์ถ่ายทอดวิทยุกระจายเสียง โดยกรมประชา สัมพันธ์เป็นแม่ข่ายวิทยุถ่ายทอดไปยัง 5,000 สถานีทั่วประเทศ ศูนย์ถ่ายทอดวิทยุโทรทัศน์โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย เป็นแม่ข่ายถ่ายทอดไปยังสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง รวมไปถึงโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ ส่งสัญญาณเผยแพร่ภาพและเสียงถ่ายทอดไปยัง 177 ประเทศ ถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ www.kingrama9.th และเฟซบุ๊กศูนย์ข่าวงานพระบรมศพฯ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศรับชมงานพระราชพิธีได้ทั่วโลก

นายออมสินกล่าวว่าศูนย์นี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ คอมพิว เตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรองรับผู้ใช้ได้กว่า 1,500 คน ขณะนี้มีสื่อมวลชนลงทะเบียนทำบัตรแล้ว 1,687 คน และในวันที่ 21 ต.ค. ซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยศเสมือนจริง ทางศูนย์ จะทดสอบทุกระบบ แต่ไม่ได้ออนแอร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบวิทยุ โทรทัศน์ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว รวมทั้งระบบเสียง เพราะต้องการทดสอบเหมือนจริงว่าจะมีข้อบกพร่องหรือไม่ แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา

ส่วนนายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้ช่วยปลัดกทม. กล่าวว่าจัดทำสถานที่ประกอบอาหารรอบท้องสนามหลวง 22 แห่ง จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม 119 จุด รถสุขา 70 คัน สุขาเคลื่อนที่ 150 แห่ง ติดกล้องซีซีทีวีรอบสนามหลวง 1,177 ตัว และวันที่ 26 ต.ค. ติดตั้งจอแอลอีดีที่พระเมรุมาศจำลอง 1 แห่ง ติดตั้งจอโทรทัศน์ในวัดอีก 62 แห่ง และซุ้มวางดอกไม้จันทน์ 16 ซุ้ม

นายเกรียงไกรกล่าวว่าสำหรับสถานที่พักค้างของประชาชน กทม.เตรียมไว้รองรับ 100,000 คน โดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และเขตพื้นที่ต่างๆ 27 เขต เตรียมวัด 56 แห่ง โรงเรียน 127 แห่งไว้รองรับ ส่วน ผู้ที่มาจากต่างจังหวัดและพื้นที่รอบนอก เข้าพักได้ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง รองรับได้ 600 คน อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก 30,000 คน โดยเข้าพักได้ตั้งแต่ วันที่ 25-27 ต.ค. แจ้งความจำนงได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่นั้นๆ

ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ศาลายา จ.นครปฐม นายประสาท ทองอร่าม ผู้ฝึกซ้อมการแสดงหนังใหญ่และโขน นำคณะฝึกซ้อมหนังใหญ่และโขนมหรสพสมโภชงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยนำ ผู้แสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ ที่แบ่งซ้อมกันมาร่วมซ้อมกันเป็นวันแรก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน