ปีติ-พระราชทานไฟหลวง

ให้77จังหวัดทำพิธี26ต.ค.

‘สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ เสด็จฯ ทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ งานพระราช พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ พร้อมทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรม พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทาน ‘ไฟหลวง’ สำหรับประชาชน 77 จังหวัด ทำพิธีถวายพระเพลิงในวันที่ 26 ต.ค. กระทรวงการต่างประเทศเผยมีเบื้องต้นแล้ว 30 ชาติ ตอบรับมาร่วมพระราชพิธี ล่าสุดประธานาธิบดีแห่งสิงคโปร์ แจ้งยืนยันผ่านสถานทูต รัฐบาลเปลี่ยนสถานที่จำหน่ายเข็มที่ระลึก ย้ายมาที่หอประชุม กรมประชาสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ประชาชนถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพ เดินทางมาพร้อมกับพวงมาลัยดอกไม้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นับเป็นวันที่ 7 หลังเปิดให้ถวายสักการะ โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเตรียมพาน 9 พาน วางไว้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อใช้สำหรับถวายพวงมาลัย และดอกไม้สด พร้อมทั้งนำแผงเหล็กมากั้นตั้งแต่จุดคัดกรองบริเวณประตูท่าช้างจนถึงถนนหน้าศาลหลักเมือง เพื่อแบ่งเลนถนนให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และเปิดจุดคัดกรอง 2 จุด บริเวณประตูท่าช้าง และริมคลองหลอด ระหว่างถนนศาล หลักเมือง กับกระทรวงกลาโหม

ขณะเดียวกัน ที่บริเวณประตูวิมานเทเวศร์ ถนนหน้าพระลาน แขวงพระราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้หน่วยงานราชการและภาคเอกชนหลายหน่วยงาน เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมงานพระราชพิธีในวันที่ 26 ต.ค.ว่า จำนวนยังไม่นิ่ง แต่เบื้องต้น 30 ประเทศ และกำลังทยอยตอบรับมา ส่วนหนังสือเชิญนั้นไม่ได้ส่งไปยังต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศใดจะเดินทางมา เพราะอยู่บนพื้นฐาน ว่าจะต้องเดินทางมา

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวางและเผาดอกไม้จันทน์ ในประเทศต่างๆ นายดอนกล่าวว่าอยู่ระหว่างการประชุมหารือ การจะวางพร้อมกับเวลาในประเทศไทยหรือไม่ ยังไม่แน่นอน เนื่องจากบางประเทศเป็นช่วงเวลากลางคืน กระทรวงการต่างประเทศจะแถลงเรื่องนี้อีกครั้ง

ส่วนพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การจัดสร้างพระจิตกาธานทุกจังหวัด รวมทั้งสิ้น 878 อำเภอ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนอำเภอเมืองที่ตั้งพระเมรุมาศจำลอง เสร็จสิ้นแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่าง ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบคาดแล้วเสร็จภาย ใน 1-2 วัน สำหรับขั้นตอนต่อไปคือซักซ้อมการปฏิบัติงาน และการเผาดอกไม้จันทน์ ในส่วนพื้นที่ท้องสนามหลวง รวมถึงซุ้มต่างๆ อีกกว่า 100 ซุ้ม และพระเมรุมาศจำลอง 8 แห่ง เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว กทม.กำลังเตรียมการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางมายังซุ้มและพระเมรุมาศจำลอง

ขณะที่ นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่สำนัก งานปลัดสำนักนายกฯ ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับผิดชอบจำหน่าย และสั่งจองเข็มที่ระลึกพระราชพิธี กำหนดจำหน่ายครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค.นี้ จำนวน 40,000 เข็ม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เดิม ถนนพิษณุโลก แต่ปรากฏว่าสถานที่คับแคบ ไม่สามารถอำนวยความสะดวกได้ จึงย้ายมาจำหน่ายที่หอประชุมใหญ่ กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ราคาเข็มละ 300 บาท จำกัดคนละไม่เกิน 2 เข็ม ประชาชนสอบถามรายละเอียดได้ที่กองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ โทร.0-2283-4301 และ 0-2283-4319-24

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เวลา 17.00 น. วันที่ 18 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา เฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จากนั้นเวลา 18.30 น. วันที่ 18 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานไฟหลวง ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน นายกฯ เป็นประธานในพิธีรับไฟหลวงพระราชทานและหีบเพลิงพระราชทาน ในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในส่วนของประชาชน ที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด เข้ารับไฟหลวงพระราชทานตามลำดับ

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยแจ้งว่า ประธานาธิบดี ฮาลิมาห์ ยาค็อบ แห่งสิงคโปร์ จะเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ระหว่างเดินทางมาเยือนประเทศไทยวันที่ 26-27 ต.ค.นี้

วันเดียวกัน ที่สวนผลไม้ของนายวรรณยุทธ เชยสมบัติ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/1 บ้านคานรูด หมู่ 3 ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี นายธนวินทร์ จุ้ยอนันต์ เจ้าหน้าที่กองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง และคณะประกอบพิธีบวงสรวง ขอขมารุกขเทวดา และพระแม่ธรณี ทำพิธีตัดต้นกล้วยตานี เพื่อนำไปแทงหยวกเครื่องสดประดับพระ จิตกาธาน บนพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9

เจ้าหน้าที่ตัดต้นกล้วยตานีทั้งหมด 90 ต้น แบ่งเป็นจากสวนของนายวรรณยุทธ 40 ต้น จากสวนของนายเกษม วิมลลักษณะ อยู่บ้านเลขที่ 70/2 ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ สวนของชาวบ้าน บ้านสามผาน ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ รวม 30 ต้น จากชาวบ้านในพื้นที่ ต.เขาบายศรี 10 ต้น และจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ อีก 10 ต้น สร้างความปลื้มปีติแก่เจ้าของสวนกล้วยตานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสาเหตุที่ใช้กล้วยตานีนั้น เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังระบุว่า เนื่อง จากลำต้นตรง มีกาบมาก ไม่หนาหรือบางจนเกินไป และกาบกล้วยตานีมีรังผึ้งมากกว่ากล้วยพันธุ์อื่น ทำให้เก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นานกว่า ไม่เหี่ยวเฉาง่าย อีกทั้งต้องเป็นต้นกล้วยที่ยังไม่ออกเครือ หรือที่ชาวสวนเรียกกันว่ากล้วยสาว ก่อนขนบรรทุกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

สำหรับวันที่ 18 ต.ค.นี้ สำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ว่า เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ถึงยังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง โดยรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร, พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศงานพระราชพิธี นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการ เฝ้าฯ รับเสด็จ

การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอาสน์ที่หน้ามุขพระที่นั่งทรงธรรม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการฯ กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุมาศ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร ต่อมานายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ถวายสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตร และดุริยางค์ เมื่อนพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราช ทานสายสูตรคืนอธิบดีกรมศิลปากร รับไปผูกไว้ที่เสาบัว ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรมและพระเมรุมาศ ตามพระราชอัธยาศัย และเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าในวันที่ 17 ต.ค. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ ตรวจความพร้อมและซักซ้อมการยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ ก่อนมีพิธีจริงในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ฤกษ์เวลา 17.19-21.30 น.

สำหรับนพปฎลมหาเศวตฉัตร ปักยอดพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีขนาดความกว้าง 1.20 เมตร สูง 5.10 เมตร น้ำหนัก 80 กิโลกรัม เป็นฉัตรขาว 9 ชั้น แต่ละชั้นของฉัตรมีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง ปลียอดฉัตรเป็นทรงองค์ระฆังต่อด้วยบัวกลุ่ม ปลียอดฉัตรทำด้วยทองเหลืองกลึงปิดทอง

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า หลังพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรเสร็จสิ้น จะถือว่าพระเมรุมาศเสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ และหลังจากนั้นจะรื้อนั่งร้านออกไม่เกินช่วงเช้าวันที่ 19 ต.ค. และวันที่ 20 ต.ค. เปิดให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพพระเมรุมาศ

ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์สื่อมวลชน งานพระราชพิธีฯ นายพรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่าขอความร่วมมือประชาชนที่จะเข้าร่วมชมการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ควรใช้ร่มสีดำ หรือสีเข้มใกล้เคียงสีดำ ทั้งในการร่วมชมการซ้อมริ้วขบวน และในวันพระราชพิธีจริง เนื่องจากเป็นสีที่มีความเหมาะสม และเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุด นอกจากนี้เมื่อริ้วขบวนเคลื่อนผ่าน หรือมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราช ดำเนินร่วมในริ้วขบวนผ่านด้านหน้า ขอความร่วมมือประชาชนอยู่ในอาการสำรวม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุด และให้เกิดความสง่างาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน