เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดให้เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นวันแรก ตั้งแต่เช้ามีประชาชนจำนวนมาก เข้ามาจับจองพื้นที่ต่อแถวเพื่อรอเข้าชมนิทรรศการ รวมถึงชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจที่จะเข้าชมด้วย สำหรับวันนี้เปิดให้เข้าชมนิทรรศการตั้งแต่เวลา 09.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าชมนิทรรศการประชาชนต้องผ่านจุดคัดกรอง ซึ่งมีทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย 1.หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ 2.ท่าช้าง 3.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดง (รด.) 4.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และ 5.ด้านหลังกระทรวงกลาโหม โดยผู้ที่จะเข้าชมนิทรรศการ สามารถเข้าคิวรอได้บริเวณเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งจะใช้แนวปฏิบัติเดียวกับการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยจัดเป็น 4 แถว โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการในเวลา 07.00-22.00 น. รอบละ 5,500 คน ใช้เวลารอบละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ทั้งนี้จะอนุญาตให้ประชาชนชมพระเมรุมาศได้เพียงชั้นล่างเท่านั้น

เจ้าหน้าที่จะให้ประชาชนติดบัตรผู้เข้าร่วมงานในแต่ละรอบ เป็นบัตรคนละสีของรอบถัดไป เพื่อป้องกันความสับสน และก่อนหมดเวลา 5 นาที เจ้าหน้าที่จะแจ้งสัญญาณหมดเวลา เพื่อให้ประชาชนรอบต่อไปเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจัดจุดบริการน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ ทีมแพทย์พยาบาลเพื่อให้บริการและดูแลประชาชนรอบสนามหลวง

ส่วนการเดินทาง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จัดรถโดยสารฟรีจากจุดต่างๆ มายังท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. จำนวน 60 คันต่อวัน ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2.หัวลำโพง 3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 4.เอกมัย 5.สายใต้ใหม่ 6.หมอชิต ด้านกองทัพเรือให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา และประสานกรมเจ้าท่าขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลาให้สอดคล้องกับเวลาจัดนิทรรศการตั้งแต่ 05.00-23.00 น.

สำหรับงานนิทรรศการ ประกอบด้วย 1.พระเมรุมาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความงดงามในหลักปรัชญาการสร้างตามโบราณราชประเพณี และสมพระเกียรติ 2.บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แบ่งเป็น 5 ตอน ได้แก่ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5.พระจักรีนิวัตฟ้า และสามารถชมจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

3.บริเวณศาลาลูกขุน 6 หลัง จัดเป็นนิทรรศการพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบ และงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ประกอบด้วย 1.สมมติเทวพิมาน เป็นสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ 2. ณ วิธานสถาปกศาลา เป็นแบบขยายสู่การก่อสร้าง 3.ประติมาสร้างสรรค์ เป็นงานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ 4.สวรรค์บรรจงวาด เป็นฉากบังเพลิงและจิตรกรรมฝาผนังโครงการพระราชดำริ 5.ยาตรากฤษฎาธาร การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ 6.ตระการวิจิตรศิลปกรรม ซึ่งเป็นงานประณีตศิลป์ในพระราชพิธี

4.นิทรรศการทับเกษตร เป็นนิทรรศการสัมผัสสำหรับผู้พิการทางสายตา ซึ่งจะจำลองพระเมรุมาศและประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ เพื่อให้ผู้พิการทางสายตามีโอกาสสัมผัสของจริงแทนการมองด้วยสายตา พร้อมเสียงบรรยาย ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน จะมีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ

5.ภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าพระเมรุมาศ สะท้อนให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ เช่น พันธุ์ข้าวพระราชทาน หญ้าแฝก ต้นยางนา มะม่วงมหาชนก กังหันชัยพัฒนา ฝายน้ำล้น ส่วนนาข้าวจะมีขอบคันนาออกแบบเชิงเป็นเลขเก้าไทย แต่ละจุดของนิทรรศการจะมีเจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดของงาน และมีจิตอาสาคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเป็นอย่างดี

นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนและผู้พิการทางสายตาถือเป็นเกียรติในชีวิตที่ได้เฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการในวันนี้ ซึ่งนิทรรศการภายในทับเกษตร มีการออกแบบและจัดทำการสัมผัสให้คนพิการทางสายตา และผู้พิการทางการได้ยิน ที่จะมีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ โดยคณะอนุกรรมการฯ จัดงานได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายคนพิการทุกประเภท เข้าร่วมงานนิทรรศการ 8,000 คน ในส่วนผู้พิการทางสายตา 3,000 คน ซึ่งถือเป็นเกียรติกับตนและผู้พิการเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้พวกเรามีส่วนร่วมในงานนิทรรศการครั้งนี้ เพราะในชีวิตไม่เคยได้สัมผัสกับประติมากรรมที่ล้ำค่าเช่นนี้

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงสละพระวรกายอย่างหนักเพื่อพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนชาวไทยให้ดีขึ้น พวกเราทุกคนล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และพระองค์ท่านจะอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป” นายต่อพงศ์ กล่าว

สำหรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแจกแผ่นพับนำชมนิทรรศการ ซึ่งจัดพิมพ์ทั้งหมด 3 ล้านฉบับ ประกอบด้วยภาษาไทย อังกฤษ และจีน และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบในบริเวณทางออก

นางสุมาลี เอี่ยมละออ อายุ 59 ปี ประชาชนจิตอาสาประจำจุดคัดกรองที่ 4 หน้าโรงแรมรัตน์โกสินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะมาเข้าชมพระเมรุมาศ จากกำหนดการเดิมที่จะเปิดให้เข้าชมในเวลา 07.00 น. จึงเลื่อนเข้ามาเป็นเวลา 06.00 น. เนื่องจากช่วงเช้ามีประชาชนจำนวนมากมานอนรอ และต่อแถวเข้าจุดคัดกรอง เพื่อเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ และเจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างดี จึงเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น และอยากฝากถึงประชาชนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าชมนิทรรศการ ให้ทำตามกฎระเบียบ เข้าแถวให้เรียบร้อยและแต่งกายให้สุภาพ ไม่ใส่กางเกงขาดหรือกางเกงขาสั้น ควรแต่งกายให้มิดชิดและเรียบร้อย

ขณะที่ นางสุขกัญญา จินตารัตน์ อายุ 62 ปี ประชาชนที่มาต่อแถวเข้าจุดคัดกรอง กล่าวว่า เดินมาจากย่านลาดพร้าว เพื่อรอชมนิทรรศการพระเมรุมาศตั้งแต่เช้า มีความตั้งใจว่าจะต้องเข้าชมพระเมรุมาศด้านในให้ได้ โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนไม่สามารถเข้าไปด้านในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพได้เนื่องจากคนเยอะมาก จึงเฝ้ารอเพื่อถวายดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศจำลองบริเวณหน้ากองสลากเก่า วันนี้จึงตั้งใจมาชมความสวยงามของพระเมรุมาศอย่างใกล้ชิด

น.ส.ศิริจันทร์ ด้วงสุทธิ์ อายุ 53 ปี พร้อมเพื่อนอีก 2 คน กล่าวว่า เดินทางมาถึงสนามหลวงในช่วงเช้าและเข้าเป็นกลุ่มที่ 2 ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้เข้าชมแล้วรู้สึกมีบุญและตื้นตันใจ ที่ได้เข้าไปชมความสวยงามของพระเมรุมาศอย่างใกล้ชิด เห็นถึงความตั้งใจของคนทำเพื่อพ่อหลวงของคนไทยครั้งสุดท้าย และรู้สึกว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ได้จากประชาชนชาวไทยไปไหน ท่านอยู่กับเราเสมอ จึงคิดว่าจะกลับมาชมนิทรรศการอีกครั้งในช่วงตอนกลางคืน เพราะอยากมาดูความสวยงามของไฟประดับพระเมรุมาศ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน