กำลังใจดี ก็อต อิทธิพัทธ์ ขอบคุณทุกคนในโรงหนัง อาการพ่อยังน่าห่วง-เชื่อต้องฟื้น

วันที่ 9 มี.ค. ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช ก็อต-อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์ ดาราหนุ่ม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจเผยถึงอาการป่วยของ คุณพ่อไพศาล ฐานิตย์ อายุ 54 ปี หลังเกิดอาการชักและหัวใจหยุดเต้นกลางโรงภาพยนตร์ ขณะนั่งชมภาพยนตร์อยู่กับครอบครัว ซึ่งในขณะนั้นมีนักศึกษาแพทย์ได้เข้าช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่งโรงพยาบาลในที่สุด

โดย ก็อต เผยว่า “จริงๆ วันนั้นเป็นวันครอบครัวทั่วไป เราก็ไปดูหนังกัน และไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ซึ่งคุณพ่อมีอาการของโรคหัวใจกะทันหัน อาจจะเกิดจากอาการเส้นเลือดหัวใจตีบเลยทำให้คุณพ่อช็อก ตอนนี้ที่อัพเดทกับคุณหมอล่าสุด พูดตามตรงเลยว่า อาการของคุณพ่อก็ยังไม่คงที่เท่าไหร่ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่ แต่ผมเชื่อว่า อีกไม่กี่วันก็น่าจะดีขึ้น”

ก่อนหน้านี้คุณพ่อมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า “จริงๆ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครอบครัวพาคุณพ่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร เราอาจจะคิดว่าคุณพ่อแข็งแรงดี ด้วยความที่ท่านออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เลยไม่คิดว่าพ่อจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งตอนที่เราไปตรวจ ก็จะตรวจแค่ความดัน เบาหวาน และตรวจสมอง ซึ่งพอตรวจเสร็จแล้วก็ไม่ได้เจอโรคอะไร แล้วคุณพ่อก็ไม่มีอาการเตือนอะไรมาก่อน วันนั้นหลังจากดูหนังเสร็จ คุณพ่อก็มีอาการชักทันที เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในโรงหนัง”

วินาทีนั้นเราตะโกนให้คนมาช่วยไหม “ตอนแรกหันไปดูข้างๆ เราได้ยินเสียงแม่ก่อนครับ เห็นแม่ร้องตะโกนให้คนช่วยแล้วก็เรียกพ่อ เราก็ตกใจมาก แต่ก็พยายามตั้งสติ แล้วเห็นแม่พยายามช่วยพ่อ ด้วยการทำซีพีอาร์และผายปอด แล้วคนตรงนั้นก็พยายามเข้ามาช่วย อย่างที่เห็นปรากฏในคลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ออกไปในข่าว นอกจากพี่นักศึกษาแพทย์คนนั้น ก็มีพนักงานของโรงหนัง ก็มีคุณหมออีก 2 ท่านที่เข้ามาช่วย ผมก็พยายาม และพาแม่ออกไป เพราะมีคนเข้ามาช่วยเยอะ เอาจริงๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน เลยดูแลคุณแม่ก่อน และพยายามประคองคุณพ่อไปในที่ที่ปลอดโปร่ง ตอนนั้นทุกคนก็มาช่วยกันทำซีพีอาร์ ซึ่งทุกคนก็ทำอย่างเต็มที่ สลับกันช่วย เพราะตอนนั้นพ่อไม่มีสติแล้ว ลมหายใจก็เริ่มไม่มี ชีพจรเต้นน้อยลง”

ตอนนั้นรู้สึกใจเสียไหม “โห เป็นความรู้สึกที่แบบแบล็งก์มากกว่า เราชอบคิดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ เหรอ ตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกันครับ”

พอมาเจอคุณหมอ อาการคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง “มาตอนนั้นเราไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะคุณพ่อมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็เลยตรวจร่างกายสแกนไปเรื่อยๆ ทุกส่วน จนมาเจอว่าพ่อเป็นโรคหัวใจตีบ ซึ่งเราก็เพิ่งรู้ ณ ตอนนั้นเลย ว่าพ่อเป็นโรคหัวใจตีบ และตีบที่เส้นหลักด้วยเลยทำการรักษาด้วยการบอลลูน ตอนนี้ทำบอลลูนเรียบร้อย ในส่วนของอาการเกี่ยวกับหัวใจ ก็ปกติดี หมายถึงว่าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่คุณพ่อไม่รู้สึกตัวอาจจะเพราะว่าสมองขาดออกซิเจนไปนานครับ”

คุณหมอบอกขั้นตอนการรักษาต่อไปหลังจากนี้ไหม “ต้องรอคุณพ่อฟื้นตัว และมาดูกันว่าจะทำอย่างไรต่อ โอกาสการฟื้นตัว อย่างน้อย 3 วัน หรืออาทิตย์หนึ่ง เพราะอาการตอนนี้ยังถือว่าไม่คงที่ เท่าที่ผมดูตลอดรู้สึกว่าคุณพ่อท่านรับรู้กำลังใจของเรา โดยการที่เราเข้าไปในห้อง เข้าไปพูดถึงคุณพ่อ ไปจับท่านเพื่อให้ท่านรู้สึกตัวว่าเรามาแล้ว ทุกคนพก็พยายามทำให้ท่านรู้สึกตัว ให้ท่านรับรู้ แต่ทางการแพทย์เราก็ตอบไม่ได้ว่าท่านดีขึ้นไหม แต่เราก็เชื่อว่าคุณพ่อเป็นคนเก่ง เป็นคนที่แข็งแรง อย่างไรท่านต้องฟื้นเร็วๆ”








Advertisement
 ก็อต อิทธิพัทธ์

ก็อตแถลงข่าวอัพเดตอาการป่วยของคุณพ่อ

เป็นห่วงอะไรอีกบ้าง “จริงๆ แล้วมันต้องดูอย่างใกล้ชิด เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง ตอนนี้ต้องรอคุณพ่อฟื้นตัวอย่างเดียวเลย ซึ่งคุณหมอก็แนะนำหลายรูปแบบ แต่เราก็เชื่อว่าคุณพ่อจะต้องฟื้นขึ้นมา”

สภาพจิตใจก็อตและครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง “จริงๆ ตอนนี้ พูดตามตรงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะคุณแม่ คือตัวเราก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่เราต้องเข้มแข็งกว่าคุณแม่ เพราะตอนนี้คุณพ่ออยู่ในไอซียู เสาหลักตอนนี้ก็เป็นผม ดังนั้นเราต้องเข้มแข็ง เราก็จะพยายามประคองทุกคนให้ดีที่สุด ทั้งตัวผมเอง ตัวน้อง ก็พยายามดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด”

เมื่อวานต้องไปถ่ายละครด้วยเป็นอย่างไรบ้าง “เต็มที่ งานก็คืองานเราต้องมีสปิริต แม้ว่าใจเราจะพะวงและเครียดมาก แต่เราต้องทำงานให้สำเร็จเพราะมันเป็นงานที่เรารับมาแล้ว ก็ต้องทำให้เต็มที่ ผมพักงานไม่ได้จริงๆ เราต้องทำให้เต็มที่”

ขั้นตอนต่อไปหมอว่าอย่างไร “ก็ต้องดูอาการและดูแลอย่างใกล้ชิดวันต่อวัน เพราะเพิ่งผ่านมา 3 วันก็ต้องดูต่อไป”

อย่างสมองที่ขาดออกซิเจน จะมีโอกาสฟื้นฟูไหม “ผมคิดว่าน่าจะมี ต้องรอดู ต้องใช้เวลา เราไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่”

ตอนเข้าไปหาคุณพ่อบอกท่ายว่าอย่างไรบ้าง “บอกให้คุณพ่อฟื้นขึ้นมาคุยกัน เราก็เห็นท่านน้ำตาคลอ และขยับตัวนิดหน่อยได้ เราก็บอกไม่ได้หรอกว่าคุณพ่อดีขึ้นแล้วหรือเปล่า ผมใช้ความรู้สึกมากกว่า”

กำลังใจเราดีใช่ไหม “ก็จริงๆ อยากพูดถึงหน่อยครับ อยากจะขอขอบคุณทุกคนในเหตุการณ์วันนั้น ที่ช่วยเหลือคุณพ่อของผม ไม่ว่าจะเป็น พี่ๆ นักศึกษาที่ช่วยทำซีพีอาร์ คุณหมอ 2 ท่าน ที่มาช่วยเหลือ และพี่ ณ ตรงนั้นที่มาช่วยเหลือกัน รวมถึงพี่นักข่าวช่องวัน ที่มาช่วยเหลือ มาเป็นกระบอกเสียงแรก กำลังใจดีมากๆ ครับ ต้องขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว ญาติๆ พี่ๆ ผู้จัดการ ผู้ใหญ่ในวงการ เพื่อนๆ และที่สำคัญเลย กำลังใจจากแฟนคลับ ผมเชื่อว่าคุณพ่อ และคุณแม่ ครอบครัวของผม ได้รับถึงความรู้สึก ถึงกำลังใจที่ดี ขอบคุณทุกคนมาก ผมเชื่อว่าถ้าคุณพ่อฟื้นขึ้นมา ก็คงเขินว่ามีคนมาให้กำลังใจเยอะขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ทุกคนให้ความสำคัญ คุณพ่อต้องดีใจมากครับ”

ตอนนี้ครอบครัววางแผนอย่างไร กังวลอะไรไหม “ตอนนี้เราเองก็ทำงานที่ค้างคาอยู่อย่างเต็มที่ ซึ่งงานตรงนี้เราก็ต้องทำต่อไปเพื่อความสุข เพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัว เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด ถามว่าวางแผนอะไรไว้บ้างมั้ย ตอนนี้ยังครับ เราสนใจแค่คุณพ่ออย่างเดียว ให้คุณพ่อฟื้นขึ้นมาให้เร็วที่สุดครับ”

เราต้องเป็นเสาหลัก เรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษา เป็นอย่างไรบ้าง “ถามว่าไหวมั้ย ถ้าพูดตรงๆ พูดตามตรงเลยมันค่อนข้างหนักครับ แต่เราก็ไหวครับ เราสู้เต็มที่ ที่เราทำงานหนักก็เพื่อสิ่งนี้ครับ ครอบครัวครับ”

อินสตาแกรม @gxxod

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน