‘ตูมตาม’จิตตก-เชื่อโดนของ – “อย่าไปใส่ใจ เลย ไม่มีอะไรหรอก จริงๆ เป็นความเชื่อ เราแค่วิเคราะห์เฉยๆ ว่าอาจเป็นช่วงดวงตก หรือช่วงของชีวิตที่เราเหนื่อยด้วยหลายๆ อย่าง จิตมันตก ก็อาจส่งผลหลายสิ่งหลายอย่าง ก็ให้เชื่อเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ก่อนดีกว่า จะได้หาคำตอบและแก้ไขได้ง่าย”

นักแสดงหนุ่ม ‘ตูมตาม’ยุทธนา เปื้องกลาง ให้สัมภาษณ์ในงานพิธีบวงสรวงภาพยนตร์ “ดาร์กเวิลด์” ถึงเรื่องที่ไปออกรายการ “ตีท้ายครัว” แล้วคุณแม่เล่าว่าตูมตามจิตตก หลังโดนหลวงพ่อทักว่าโดนของ

ตอนนั้นพอจำ ได้ไหมว่าเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ตูมตามเล่าว่า “ตอนนั้นผมแค่รู้สึกเหนื่อยๆ อารมณ์จะดาวน์ๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ได้หนักมาก จริงๆ ผมทำงาน 7 วันเลย มันก็เป็นเหตุเป็นผลว่าเราควรจะเหนื่อย พักผ่อนน้อย ถามว่าดาวน์แค่ไหน

คือมันไม่ได้ดาร์กมาก แต่แค่รู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน ใจก็ปกติแฮปปี้ดี แต่ร่างกายรู้สึกพักผ่อนแล้วไม่เพียงพอ คือผมรู้สึกเอง เพราะผมจะรู้ลิมิต การที่เรามีแรงในการทำงานคือการที่เราตื่นเช้าเราตื่นได้ แต่จะมีบางวันที่รู้สึกงัดตัวเองไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่เราก็นอนพักผ่อน”

มีอาการอย่าง นี้นานไหม “ประมาณเดือนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้หนักมาก ถ้ามองความโชคดี ผมรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น มันเป็นความบังเอิญมากกว่า ถ้าจะเชื่อนะครับ มันอาจจะบังเอิญลมพัดลมเพมา หรือคนที่ทำ หรือใครก็ตามที่สร้างให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น อันนี้คือ ความเชื่อนะครับ คือเขาคงรัก เรามองในมุมนี้เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เขารักเรา แต่ขอร้องไม่ต้องไปหานะครับว่าใคร”

แม่บอกว่ารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ “คือก็แล้วแต่ เพียงแต่มัน ไม่ได้เกี่ยวเป็นใครหรอกครับ เอาเป็นว่าเจตนาของความรักมีหลายรูปแบบ จริงๆ มันเป็นความไม่รู้ ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ”

หลวงพ่อเป็นคนบอกเรามาว่าเป็นลมเพ ลมพัด “หลวงพ่อเป็นคนบอกและครูบาอาจารย์ทักมา จริงๆ เราก็แค่ทำบุญให้มากขึ้น และสิ่งสำคัญคือไม่ว่าใครจะทำอะไรแย่กับเราแค่ไหน เราต้องให้อภัยเขา เราต้องมองในแง่ดีว่าเหตุผลคืออะไร”

เรามีของขลังป้องกันตัวอะไรไหม “ก็มีนะ ผมก็ใส่สร้อยพระ ปกติอยู่แล้ว”

แล้วเราเชื่อ เต็มร้อยไหมกับเรื่องนี้ “คือผมเชื่ออยู่แล้ว เพียงแต่เราจะเชื่อแบบผสมๆ กัน ระหว่างความเป็นจริง กับสิ่งที่พิสูจน์ได้ และอะไรหลายๆ อย่างถ้ามันมีเหตุมีผลจริงๆ ผมค่อยยอมรับ”

ทำให้ตั้งแต่ นี้ต้องระวังตัวแค่ไหน “จริงๆ ควรระวังมาตั้งนานแล้ว สำหรับคนที่ทำงานในวงการ ผมเชื่อว่าหลายคนคงถือคงระวังกันอยู่แล้ว เพราะเราอยู่ในจุดที่คนรัก มีคนชื่นชอบค่อนข้างมาก เวลาเราไปไหนมาไหน มันอาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างก็ได้

มันเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นระวังไว้ดีกว่า แต่ไม่ใช่ไปรู้สึกเนกาทีฟกับผู้คนนะครับ ผมแค่รู้สึกว่าเราป้องกันตัวเองดีกว่า แต่เราไม่ได้ว่าคนอื่น และไม่ต้องไปหาหรอกครับว่าใครทำ เป็นเวรเป็นกรรม อย่าไปทำเลย”

ทำไมถึงเชื่อ ว่าเป็นเวรเป็นกรรม “มันไม่ดีครับ คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมเป็นกรรมอยู่แล้ว เพียงแต่เราอย่าไปต่อมันเลย เราก็อโหสิกรรมให้กันไป แล้วก็ใช้ชีวิตกันต่อครับ”