อ้วน รังสิต ห่างเมีย รับห่วง มะม่วง ท้องโตอยู่คนเดียวในเกาหลี
เพราะสถานการณ์โควิด 19 ระบาดหนัก ทำให้ อ้วน รังสิต ศิรนานนท์ ไม่สามารถที่จะบินไปหาภรรยาสาว น้องมะม่วง ที่กำลังท้องแก่ ที่บินกลับไปเกาหลี ก่อนหน้านี้เชื้อไวรัสจะระบาดหนัก อีกทั้งภรรยาสาว ยังไม่ยอมไปพักอยู่กับพ่อแม่ของตนเอง
อ้วน รังสิต
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ผมกลับมาอยู่บ้านที่ชลบุรี กับครอบครัวแล้วครับ ถ้าถามถึงผลกระทบจากสถานการณ์นี้ ผมไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมก็ยังไม่ค่อยได้มีงานอะไร รอเปิดกล้องละคร แต่จะส่งผลดีมากกว่า เพราะว่าผมได้ออกกำลังกายมากขึ้น เหมือนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะมีกะจิตกะใจในการออกกำลังกาย แต่ตอนนี้เหมือนว่ามันว่างมาก เลยได้มาออกกำลังกาย”
กลายเป็นหนุ่มโสด
“นี้คือผลกระทบเดียวจากสถานการณ์นี้ คือไม่ได้เจอภรรยา เพราะว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่เกาหลี แล้วเขาก็ใช้ชีวิตลำบากหน่อย ด้วยว่าท้องเขาก็ใหญ่ ตอนนี้อยากบินไปหาเขา สงสารเขา ทำอะไรก็ลำบาก คือเขากลับไปก่อนช่วงที่โควิดจะหนักขนาดนี้ เขากลับไปหาคุณหมอตรวจครรภ์ที่นั้น ก่อนหน้านี้เรามีกำหนดไปเที่ยวออสเตรเลียก่อนที่จะมีลูกอีก เพราะว่าเราเตรียมกันมานานมากแล้ว แต่พอถึงเวลาที่จะไป มันก็ถึงรอบที่เขาต้องไปตรวจท้องพอดี เขาก็เลยสละตั๋วที่ไปเที่ยวกัน แล้วเขาบินไปหาหมอที่เกาหลีแทน ส่วนผมก็ไปออสเตรเลียผมไปอยู่กับญาติด้วย เลยคิดว่าทิ้งตั๋วไปแค่ใบเดียว แล้วผมก็อยู่กับญาติ มันก็สะดวกดี
กอดให้หายคิดถึง
ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าจะบินไปหาเขาเหมือนกัน แต่ว่ามันก็กังวลและกลัวด้วยว่ามันจะอันตรายจากกการเดินทางหรือเปล่า เขาเองถ้าจะบินกลับมามันก็จะอันตราย คือถ้ารู้ว่าจะปิดประเทศแบบนี้คงตัดสินใจบินไปหาเขาก่อนแล้ว สิ่งที่ตอนนี้กำลังจะทำคือการทำวีซ่าแต่งงาน กำลังศึกษาอยู่ครับ เพราะว่าเวลาผมบินไปอยู่ที่นั้นก็จะอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่ถ้าทำวีซ่าแต่งงานเราก็อยู่ยาวๆได้”
มะม่วงมีแผนที่จะกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร
“คงปีหน้าเลยครับ เพราะเขาคลอดที่นั้น อยู่ดูแลลูกเล็กที่นั้นเลย ถามว่าผมไม่อยากให้เขามาคลอดที่ไทยเหรอ ถ้าให้เขาคลอดที่เมืองไทย เขาคงจะเลือกโรงพยาบาลท็อปๆของเมืองไทย เพื่อความมั่นใจของเขา ซึ่งผมรู้สึกว่ามันแพงไป แต่ถ้าเกิดเขาไปคลอดที่เกาหลี ที่นั้นเขามั่นใจ และราคาก็ถูกกว่าที่เมืองไทย มีบริการหลังคลอดที่ถูกใจเขา เพราะว่าเขาไม่อยากอ้วน ซึ่งผมก็ตามใจเขา ไม่อยากที่จะทะเลาะด้วย เขาอยากได้อะไรก็ตามใจ”
ตอนนี้มะม่วงท้องกี่เดือนแล้ว
“6 เดือนแล้วครับ กำหนดคลอดน่าจะเป็นช่วงเดือน ส.ค. หรือช้าสุด 1 ก.ย. เขาผ่าคลอด ถึงตอนนั้นผมคงไปอยู่กับเขาที่เกาหลีแล้ว ส่วนตอนนี้เขาอยู่คนเดียว ไปหาพ่อแม่เขาทุกวัน ผมก็อยากให้เขาอยู่กับพ่อแม่นะ แต่เขาบอกว่ามันไม่สะดวก ไม่เป็นส่วนตัว เวลาเข้าห้องน้ำ เพราะว่าบ้านที่เกาหลีเขาหลังเล็กๆ เขาก็เลยไปอยู่คอนโดของเขา อยู่ใกล้ๆบ้านพ่อกับแม่เขานั้นแหละ เหมือนเขาไปกินข้าวบ้านพ่อแม่ แล้วก็หิ้วกลับมากินที่บ้าน”
6 เดือนแล้ว
เราเป็นห่วงเขาไหมต้องอยู่คนเดียว
“เป็นห่วงครับ เขาก็บ่นว่าตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ ลูกดิ้น อึดอัด กินนิดหน่อยก็อึดอัดแล้ว คือเขาก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆ ผมมั่นใจว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีมาก ส่วนเรื่องสถานการณ์โควิดที่เกาหลี ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เพราะยอดที่ป่วยเพิ่มอยู่แค่หลักหน่วย หรือ 10 ต้นๆเท่านั้น และตัวเขาก็ระวังตัวดีครับ
คุยกันตลอดไหม
“เราคุยเฟสไทม์กันตลอดแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มคบกันอยู่แล้ว เรียกว่าเห็นหน้ากันตลอด ผมไม่ได้เจอเขามาประมาณ 2 เดือนแล้ว แต่รู้สึกว่าครั้งนี้มันนานมากๆ อาจจะเป็นว่าเขาท้อง และสภาวะแบบนี้ด้วย”
วางแผนไว้หรือยังว่าจะให้ลูกอยู่ไทยหรือเกาหลี
“ผมว่าอยู่ที่โน้นดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้าให้อยู่เมืองไทย ความเห็นของผมกับเขาไม่เหมือนกันจะทะเลาะกันอีก เพราะว่าเวลาที่อยู่ที่โน้นผมตามใจเขา เพราะว่าเขารู้เรื่องที่โน้นเยอะกว่าผม แต่พอมาอยู่เมืองไทยผมรู้เยอะกว่าเขา พอบอกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อใจผมเท่าไหร่ ตัดปัญหาอยู่ที่โน้นดีกว่าครับ ตัดปัญหาความขัดแย้งทุกอย่าง
แต่มันติดตรงเรื่องปัญหาที่ว่าปัจจัยมันแพงไปไหม ต้องคุยกับเขาเรื่องการใช้ชีวิต ว่าเราก็ต้องใช้ชีวิตตามฐานะ และเศรษฐกิจของครอบครัวเรา จะใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไม่ได้แล้วนะ จะบอกว่าตอนแรกเราสองคนไม่ได้ตั้งใจที่จะมีลูก เพราะว่าอยู่กันสองคนมันก็คล่องตัวดี แต่พอมีแล้วก็ไม่เป็นไร อันนี้ไม่พลาดนะ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่มีดีกว่า เพราะดูจากสภาะตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าต่อไปจะใช้ชีวิตลำบากขึ้นขนาดไหน”
ขอบคุณรูปจากไอจี : auan_rangsit
