สตม. จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวไนจีเรีย พบเงินหมุนเวียนกว่า 280 ล้าน

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. แถลงผลการจับกุม จับกุมขบวนการเครือข่าย Call Center ชาวแอฟริกัน ของกก.สส.บก.ตม.1

นำโดย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.ฯ ปรก.ผกก.สส.บก.ตม.1

สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนากร นิ่มมะโน รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ โรจนวานิชกิจ และ พ.ต.ต.ธงค์ โตอนันต์ สว.กก.สส.บก.ตม.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.สส.บก.ตม.1

สืบสวนข้อมูลและขยายผลเกี่ยวกับการกระทำความผิดของคนต่างด้าวสัญชาติเป้าหมายตามนโยบายของ ผบช.สตม. และ ผบก.ตม.1 โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลสัญชาติแอฟริกันที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

ซึ่งมักจะมีพฤติการณ์ใช้สื่อโซเชียลหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยด้วยวิธีการต่างๆ เช่นหลอกให้ลงทุน หรือหลอกลวงว่าจะมาใช้ชีวิตร่วมกัน โดยส่งทรัพย์สินราคาแพงมาให้และให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเพื่อรับทรัพย์สินดังกล่าว

ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อหลงกลโอนเงินไปทำให้ผู้เสียหายสูญเงินตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้านบาท

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมข้อมูลผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้จากทั่วประเทศ สืบสวนและเฝ้าติดตามบัญชีธนาคารต้องสงสัย

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการจำนวน 4 ราย เป็นหญิงไทย 1 รายและคนสัญชาติไนจีเรียอีก 3 ราย โดย 1 ใน 3 รายได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปก่อนหน้าที่จะออกหมายจับแล้ว

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงดำเนินการสืบสวนขยายผลและติดตามผู้เสียหายเพิ่มเติม โดยมีผู้เสียหายจำนวนหลายราย และมีรายหนึ่งอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต สูญเงินไปกว่า 1,400,000 บาท

จึงประสานผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่อไป ซึ่ง ณ ขณะนี้ได้มีผู้เสียหายแจ้งความประสงค์เข้าแจ้งความแล้วที่ สน.วังทองหลาง, สภ.เมืองภูเก็ต, สภ.ดอนหว่าน ภ.จว.มหาสารคาม และ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีของคนในกลุ่มเครือข่ายนี้พบว่าในภายใน 1 ปี มีเงินหมุนเวียนกว่า 280 ล้านบาท

ต่อมาพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.2

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ได้สั่งการให้ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และกวดขันจับกุมการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ,พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระทำความผิดกรณีมีการกักตุนสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ขายเกินราคา

ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่า ในห้วงระหว่างเดือน พ.ค.63 กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และงานสืบสวนในส่วนของ ตม.ทอ. ในสังกัด บก.ตม.2 มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆ ดังนี้

1. จับกุมยาเสพติด (พืชกระท่อม) จำนวน 102 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.63 ตม.ทอ.ภูเก็ต นำรถสายตรวจอัจฉริยะร่วมปฏิบัติการกับหน่วยงานความมั่นคง ณ ด่านท่าฉัตรไชย

โดยในเวลา 22.30 น. ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีขาวต้องสงสัยเพื่อผ่านด่านท่าฉัตรไชย (ขาเข้า) จึงได้ขอตรวจสอบ และพบพืชกระท่อม จำนวน 102 กิโลกรัม และกัญชาแห้ง จำนวน 13 กรัม

จึงดำเนินการจับกุมชายและหญิง รวม 2 ราย ดำเนินคดีในฐานความผิด “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชาแห้ง) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

2. สรุปผลการจับกุมห้วงการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วงระหว่างวันที่ 1-31 พ.ค.63 รวม 50 ราย ซึ่งเป็นการกระทำความผิดกรณีฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

3. สรุปการจับกุมบุคคลตามหมายจับ ประจำเดือน พฤษภาคม 2563 รวม 17 ราย โดยแยกเป็นคดีสำคัญๆ รวม 6 ราย ประกอบด้วย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จำนวน 1 ราย

พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ จำนวน 2 ราย ,พยายามฆ่าผู้อื่น จำนวน 1 ราย ,ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมฯ (และเป็นบุคคลตามหมายจับ อีก 8 หมาย) จำนวน 1 ราย และมียาแผนปัจจุบัน (ยาอันตราย) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต (ยาแก้ไอยี่ห้อ A-nadril( เอนาดริล) ประมาณ 7,000 ขวด) จำนวน 1 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน