นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าจุลินทรีย์ และเชื้อราสามารถพบมากในควันไฟที่กำลังพวยพุ่ง และเชื่อว่าเชื้อโรคเหล่านี้ ที่อยู่ในดินสามารถถูกพัดพาออกมาสะสมอยู่ในฝุ่นควัน ทำให้หน่วยงานสาธารณะสุขควรเร่งตรวจสอบควันจากไฟป่าอย่างเร่งด่วน
ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอาศัยอยู่ในกลุ่มควันไฟป่าได้ นอกจากนี้ยังมีการสันนิษฐานว่าควันไฟเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพ เพราะมันเต็มไปด้วยฝุ่นละออง และด้วยอนุภาคของเขม่าที่มีขนาดเล็กเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ และหลอดเลือด
แต่อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องที่ว่าควันไฟป่าอาจนำพาจุลินทรีย์ หรือเชื้อรา ที่นำมาสู่การติดเชื้อต่างๆ ก็มีมากยิ่งขึ้น ซึ่งศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่านักผจญเพลิงมีความเสี่ยงต่อการเกิด coccidioidomycosis ซึ่งเป็นการติดเชื้อทั่วไปที่เกิดจากเชื้อราที่กลายเป็นอากาศเมื่อดินถูกรบกวน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัยได้ตรวจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นด้วยการจับจุลินทรีย์ในควันไฟมาตรวจ ผลที่ได้คือ พวกเขาพบว่าในควันมีแบคทีเรีย 900 ชนิด และเชื้อรากว่า 100 ชนิด และยิ่งในที่ที่ไฟป่ามีความรุนแรงสูง แบคทีเรียที่พบในระดับความสูง 300 เมตรเหนือน้ำทะเลก็ยิ่งมีมากขึ้น ซึ่ง 60% ของแบคทีเรียเหล่านี้สามารถรอดชีวิตอยู่ในควันได้
“ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่พบกลุ่มสิ่งมีชีวิตใดๆ ในอากาศ แต่เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่า การเผาไหม้ และลม ส่งผลให้เกิดสิ่งมีชีวิตดังกล่าว” ดร.เลดา คอบซิเออร์ จากมหาวิทยาลัยไอดาโฮ กล่าว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจุลินทรีย์พวกนี้เกาะติดกับละอองฝุ่น PM ในควันมา และสงสัยว่าฝุ่นละออง จะเป็นตัวการในการปกป้องจุลินทรีย์พวกนี้จากรังสี UV ที่สามารถในการทำลายจุลินทรีย์ได้
ทำให้เกิดคำถามมากมายว่าเชื้อโรคที่ติดมากับฝุ่นควันไฟนั้นรุนแรง นักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำตอบว่าจุลินทรีย์ที่พวกเขาเจอมีทั้งตัวที่สามารถกระตุ้นโรคระบบทางเดินหายใจอย่างหอบหืด และอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะนำมาซึ่งโรค หรืออาการอื่น ๆ ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
การศึกษาก่อนหน้านี้ยังเปิดเผยว่าเชื้อโรคสามารถเดินทางไปได้ไกลมากถ้าถูกพัดพาด้วยพายุเฮอร์ริเคน และพายุอื่น ๆ แต่สำหรับควันไฟ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องระยะทางที่แน่ชัด ซึ่งจากข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่าความสามารถของควันในการเดินทางรอบโลกชี้ให้เห็นว่ามันอาจเป็นตัวการในการอธิบายรูปแบบการติดเชื้อบางอย่างที่ไม่เคยมีใครระบุมาก่อน ทั้งยังอธิบายเรื่องการระบาดของเชื้อโรคในพื้นที่อื่นที่ ที่แม้ว่าจะป้องกันในหลายด้านแล้ว แต่ก็ยังเกิดการติดเชื้อขึ้นอยู่ เนื่องจากควันไฟเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการแพร่กระจายเชื้อดังกล่าว
ที่มา : bbc
