ศธ.เร่งพักใบอนุญาต ผอ.พัวพันคดีฆ่า น้องหลิว ตั้ง กก.สอบ โทษถึงขั้นไล่ออก

ศธ.เร่งพักใบอนุญาต ผอ.พัวพันคดีฆ่า น้องหลิว ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โทษถึงขั้นไล่ออก ‘ณัฏฐพล’ ตระหนัก ต้องพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดให้มีศีลธรรม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

จากกรณีตำรวจบุกจับกุม นายจุมพล (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี อาชีพข้าราชการครู ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งถูกออกหมายจับคดีฆ่า น.ส.มยุรี ยอดพะเนา หรือน้องหลิว จนเป็นศพนิรนามกว่า 8 ปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

• อ่านข่าว พบแล้ว ‘น้องหลิว’ หายตัว 8 ปี เป็นศพถูกฆ่าอำพราง หมกไร่อ้อย
• อ่านข่าว ได้แม็กกาซีนปืนแล้ว! เผยผลสอบผู้ต้องสงสัย หลังยืนยันศพ ‘น้องหลิว’
• อ่านข่าว ตร.บุกจับ ผอ.จุมพล คาบ้าน หลังศาลออกหมายจับคดีฆ่า น้องหลิว สาว19

ล่าสุดวันที่ 19 ก.พ.64 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นอาจต้องให้ผู้อำนวยการรายดังกล่าวมาปฎิบัติราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก่อน และตั้งคณะกรรมการการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป จากกรณีนี้ทำให้ตระหนักว่า ศธ. ต้องพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดให้มีศีลธรรมและจริยธรรมโดยเฉพาะครูและผู้บริหารการศึกษา ที่จะต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อกิเลสต่างๆ

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การที่ผู้อำนวยการคนดังกล่าวถูกออกหมายจับนั้น ถือเป็นการกระทำของบุคคลต่อกฎหมายบ้านเมือง คือการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าเหยื่อ ซึ่งเรื่องดังกล่าว แบ่งได้ 2 กรณี คือ 1.เมื่อข้าราชการถูกกล่าวหาและถูกตำรวจดำเนินคดี จนนำไปสู่กระบวนการคุมขัง

หากได้ประกันตัวและกลับมาปฎิบัติหน้าที่ราชการต่อ ทางราชการจะตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหาต่อไป และ 2.หากทางศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีหลักฐานพยานเพียงพอ และบุคคลดังกล่าวถูกคุมขังเกินกว่า 15 วัน ทางราชการจำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และสั่งให้ออกจากราชการ

ด้าน นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) กล่าวว่า หากเรื่องนี้มีมูล มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจน กมว. สามารถลงมติพักใช้ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพผู้บริหารได้ทันที หรือพักใช้ไว้ก่อน โดยไม่ต้องรอผลการสืบสวน หากมีหลักฐานเชิงประจักษ์ต่อสาธารณะชัดเจน ซึ่งกรณีของผู้อำนวยการคนดังกล่าวนี้ ตนจะนำเข้าที่ประชุม กมว. ครั้งต่อไป