การแข่งขันฟุต บอลโลก 2018 เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ซามารา อารีนา เมืองซามารา ประเทศรัสเซีย นัดสุดท้ายกลุ่มเอช เซเนกัล ที่แข่ง 2 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 นัด มี 4 คะแนน ลงสนามพบ โคลัมเบีย ที่ 2 นัด ชนะ 1 แพ้ 1 นัด มี 3 คะแนน โดยทั้งสองทีมไม่เคยพบกันในฟุตบอลโลก

สำหรับเกมนี้ อลิยู ซิสเซ กุนซือเซเนกัล จัดทัพมาในระบบ 4-4-2 ผู้รักษาประตูยังคงใช้ คาดิม เอ็นดิอาย เช่นเดิม แผงหลัง 4 คนส่ง คาลิดู คูลิบาลี, ซาลิฟ ซาเน, ลามีน กัสซามา ขณะที่มิดฟิลด์ให้ เชคู กูยาเต จับคู่กับ อิดริสซา เกย์ ส่วนปีกทั้งสองข้างส่ง อิสไมลา ซาร์ กับ ซาดิโอ มาเน โจมตีริมเส้น ขณะที่แนวรุกจัด เอ็มบาย เนียง ยืนคู่ทูท็อปล่าตาข่ายกับ เกอิตา บัลเด

ส่วน โฮเซ เปเกร์มัน เฮดโค้ชโคลัมเบีย จัดทัพในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูยังวางใจ ดาบิด ออสปินา ปรากการหลัง 4 คนมี เยร์รี มินา, ดาบินสัน ซานเชซ, ซานติอาโก อาเรียส, โยอัน โมฆิกา ขณะที่กลางรับสองคนให้ การ์ลอส ซานเชซ คอยตัดเกมกับ มาเตอุส อูริเบ ส่วนแนวรุกเป็น ฆวน เฟร์นันโด กินเตโร, ฮาเมส โรดริเกส, ฆวน กวาดราโด และกองหน้าตัวเป้าให้ ราดาเมล ฟัลเกา คอยผลิตสกอร์

เริ่มเกมโคลัมเบียเป็นฝ่ายครองบอลทำเกมบุกได้มากกว่า นาที 13 ได้ลุ้นจากฟรีคิกนอกกรอบของ เฟร์นันโด กินเตโร แต่ คาดิม เอ็นดิอาย ยังพุ่งปัดไว้ได้ จากนั้นเซเนกัล ที่คอยคุมโซนและหาจังหวะสวนกลับเกือบได้ลูกจุดโทษในนาที 17 เมื่อ ซาดิโอ มาเน ทะลุหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน ดาบินสัน ซานเชซ เสียบล้มลงไป ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษในตอนแรก แต่เมื่อดูวีเออาร์ชัดเจนแล้วจึงย้อนกลับมาเป่าให้โคลัมเบียได้บอล

โคลัมเบียยังเป็นฝ่ายทำเกมได้ดีกว่า แต่นาที 31 ฮาเมส โรดริเกส เกิดอาการบาดเจ็บทำให้ต้องเปลี่ยนเอา หลุยส์ มูริเอล ลงเล่นแทน จากนั้นทั้งสองทีมผลัดกันรุกรับอย่างสนุก แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรก โคลัมเบีย ยังเสมอ เซเนกัล 0-0

ครึ่งหลังเซเนกัลลงมาทำเกมได้วูบวาบขึ้น แต่ยังขาดๆเกินๆหลายครั้ง ผ่านนาทีที่ 60 ยังเสมอกัน 0-0

จากนั้นโคลัมเบีย ยังเล่นได้ดีตามมาตรฐาน นาที 74 โคลัมเบีย ได้ประตูออกนำสำเร็จ 1-0 จากจังหวะเตะมุมให้ เยร์รี มินา ขึ้นโขกเต็มหัวเข้าเสาแรกอย่างสวยงาม

หลังเสียประตูเซเนกัล พยายามบุกทวงประตูคืน แต่กลายเป็นเร่งเกินไปจนขาดๆเกินๆ ขณะที่โคลัมเบียหันไปตั้งรับ เล่นเกมช้า และรอสวนกลับ จบ 90 นาที โคลัมเบีย ชนะ เซเนกัล 1-0

 

ทำให้กลุ่มนี้ โคลัมเบีย เข้าเป็นอันดับ 1 มี 6 แต้ม ส่วนอันดับ 2 เป็นญี่ปุ่น มี 4 แต้มเท่ากับ เซเนกัล โดยลงเตะ 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 4 เสีย 4 และการพบกันเฮด ทู เฮด ของทั้งสองทีมจบลงด้วยการเสมอ 2-2 ต้องไปตัดสินกันด้วยคะแนน ฟีฟ่า แฟร์เพลย์ในทัวร์นาเมนต์นี้ ปรากฏว่า ญี่ปุ่น โดนใบเหลืองรวม 4 ใบ ขณะที่ เซเนกัล มี 6 ใบ ทำให้ ญี่ปุ่นคว้าอันดับ 2 ของ กลุ่ม เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบ เฉียดฉิวที่สุด ส่วนโปแลนด์ ยังรั้งบ๊วย มี 3 คะแนน จากการลงเตะ 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน