รำลึกครบ232ปีชาตกาล

สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

รำลึกครบ232ปีชาตกาล สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)วันศุกร์ที่ 17 เม.ย.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 232 ปี ชาตกาล “สมเด็จพระพุฒาจารย์” (โต พรหมรังสี) พระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถือ อย่างมาก

เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆัง โฆสิตารามวรมหาวิหาร ในสมัยรัชกาลที่ 4-5

เป็นพระสงฆ์ที่คนรู้จักมากที่สุด พระชินบัญชรคาถา เป็นบทสวดภาวนาที่ได้รับความศรัทธาสูงสุด แต่ละบทกล่าวสรรเสริญ และอัญเชิญพระบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตลอดทั้งพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เพื่อการปกป้องคุ้มครองรักษา

ถือกำเนิดตอนเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย.2331 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 5 ปีวอก จุลศักราช 1150 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

บิดาไม่ปรากฏนาม มารดาชื่อ “เกศร์” หรือ “เกตุ” บางตำราว่าชื่อ “นางงุด” ดั้งเดิมเป็นชาวอุตรดิตถ์ ก่อนโยกย้ายมาให้กำเนิดท่านที่บ้าน ต.ไก่จ้น อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรี อยุธยา

บรรพชาที่วัดอินทรวิหาร พระบวรวิริยเถระ (อยู่) เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม (วัดบางลำพูบน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นนาคหลวง สมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดมหาธาตุฯ เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษาพระปริยัติธรรม เล่าเรียนจากสำนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (นาค) วัดระฆังฯ และได้เรียนต่อกับสมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดมหาธาตุฯ นอกจากนี้แล้วไม่มีบันทึกไว้ชัดเจน

แต่ที่ทราบคือ ครั้งเป็นสามเณรมักได้รับ คำชมเชยจากครูบาอาจารย์ว่ามีความทรงจำดีเยี่ยม มีปฏิภาณเป็นยอด ยิ่งเมื่อเป็นพระภิกษุเต็มตัว ยิ่งทรงคุณ ทรงความรู้ ทรงภูมิธรรม มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม เฉลียวฉลาดแตกฉานในวิทยาการต่างๆ

วิปัสสนาธุระ คันถธุระ และหรือคุณวุฒิเด่นๆ อย่างโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ ล้วน เป็นเลิศ

กล่าวกันว่าชอบสร้างอะไรให้ใหญ่โตไว้เพื่อให้สมกับนาม งานประติมากรรมที่เป็นอนุสรณ์รู้จักกันดี อาทิ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ วัดสะตือ จ.พระนครศรีอยุธยา อนุสรณ์ว่าท่านได้เกิดที่นั่น, พระพุทธรูปยืน (พระศรีอริยเมตไตรย) วัดอินทรวิหาร กทม. อนุสรณ์ว่าท่านมาหัดเดินและเติบโต, พระเจดีย์นอน วัดลครทำ กรุงเทพฯ สร้างขึ้นเพื่อประสงค์ให้เป็นพระธรรมเจดีย์บรรจุ พระธรรม, พระพุทธรูปนั่ง วัดพิตเพียน (วัดกุฎีทอง) จ.พระนครศรีอยุธยา, พระพุทธรูปยืน วัดกลางคลองข่อย ฯลฯ

นับเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชน นอกจากจริยาวัตรด้านความสมถะอันโดดเด่นของท่านแล้ว ท่านยังทรงคุณทางด้านวิทยาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุมงคล “พระสมเด็จ” ที่ท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ถูกจัดเข้าในพระเครื่องเบญจภาคี หรือสุดยอดของพระเครื่องวัตถุมงคล 1 ใน 5 ของประเทศไทย

ยังปรากฏเกียรติคุณความเป็นพระนักเทศน์ระดับชั้นธรรมกถึก ในอดีตพระเถระผู้ใหญ่ระดับชั้นพระราชาคณะ ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าสวดฉันจังหัน และแสดงธรรมเทศนาในพระบรมมหาราชวัง โดยมีในหลวงทรงเป็นประธาน

สามารถเทศน์กัณฑ์มัทรีไพเราะเพราะ พริ้ง จนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวง และรัชกาลที่ 2 พระราชทาน เรือกราบกัญญา หลังคากระแชง ซึ่งเป็น เรือทรงในพระองค์เจ้าให้ไว้ใช้ในกิจ ส่วนตัว

รัชกาลที่ 4 ก็ทรงโปรดการเทศน์ของ สมเด็จฯ เป็นอย่างมาก ทรงตรัสว่า “ถ้าไม่ได้เห็นขรัวโตหลายๆ วันครั้งใด รู้สึกเหงาๆ ได้สนทนากับขรัวโตแล้วสบายใจดี”

รัชกาลที่ 4 ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะที่ พระธรรมกิตติ

ถัดมาอีก 2 ปี สถาปนาให้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ รูปที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สืบแทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกศ

ในปีที่ 5 แห่งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ไปดูการก่อสร้างพระโต วัดบางขุนพรหมใน เกิดอาพาธด้วยโรคชราภาพ และถึงแก่มรณภาพบนศาลาใหญ่วัดบางขุนพรหมใน (วัดอินทรวิหาร) ตรงกับวันที่ 22 มิ.ย.2415

สิริอายุ 85 ปี พรรษา 65

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน