เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ศาลปกครอง ศาลปกครองกลางได้ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ เจ้าบ้านในหมู่บ้านเสรีวิลล่าสวนหลวงร.9 พร้อมพวกรวม 4 คน ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ และกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีปล่อยให้เกิดการสร้างตลาด 5 แห่งรอบบ้านพักโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในการพิจารณาคดีครั้งนี้ คู่กรณีได้มีการแถลงปิดคดีโดยน.ส.บุญศรี ยืนยันว่า บ้านพักของตนอยู่ในพื้นที่โครง 1 ที่ตามการจัดสรรระบุให้เป็นที่พักอาศัยไม่สามารถทำตลาดได้ ส่วนผู้ร้องสอดซึ่งเป็นเจ้าของตลาดก็ได้ยืนยันว่า มีหลักฐานจากสำนักงานที่ดินประเวศยืนยันว่าพื้นที่บ้านของน.ส.บุญศรีอยู่ในโครงการที่ 2 ที่สามารถจัดสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อการค้าได้

หลังจากนั้น องค์คณะก็ได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดีซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะแถลงความเห็นส่วนตัวที่องค์คณะจะนำไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยตุลาการผู้แถลงดีมีความเห็นว่า ตามพยานหลักฐานที่ตุลาการเจ้าของสำนวนได้แสวงหาและไม่อาจโต้แย้งได้ชัดเจนว่า ที่ดินบ้านของน.ส.บุญศรีอยู่ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า โครงการ 2 ที่มีการขออนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งตามผังของโครงการกำหนดให้เป็นอาคารพาณิชย์ 51 ห้อง โดยมีระยะความกว้าง 8 หรือ 10 คูหา

แต่ในข้อเท็จจริงมีการสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียวเพื่อทำตลาด ซึ่งไม่ตรงกับแผนผังของโครงการที่ขอนอนุญาตจัดสรรที่ดิน จึงเป็นการขัดต่อพ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน และพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ดังนั้นการที่ผู้ว่ากทม. ออกใบรับแจ้งก่อสร้างอาคารตลาดทั้ง 4 แห่งให้กับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นผู้ประกอบการตลาดสวนหลวง ตลาดรุ่งวาณิชย์ ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา จึงไม่มีคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ปล่อยให้มีการจัดตั้งตลาดร่มเหลือง โดยไม่ได้ขออนุญาตและก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่น.ส.บุญศรี แม้จะอ้างว่าได้ให้เจ้าหน้าที่กทม.ไปดูแลในเรื่องความสะอาด การจราจร และความเดือดร้อนรำคาญ รวมถึงจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีก็ตาม แต่ก็ยังพบว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดรูปธรรมคือระงับการประกอบกิจการตลาดทั้ง 5 แห่ง กลับปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่น.ส.บุญศรี และประชาชนในหมู่บ้านต่อเนื่องตั้งปี 52 จนถึง 23 ก.พ. 2561 จึงถือว่าผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ร.บ.สาธารณสุข รวมทั้งละเมิดสิทธิในการอยู่อาศัยอย่างสงบของน.ส.บุญศรี

จึงเห็นควรที่องค์คณะจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบรับแจ้งก่อสร้างอาคารตลาดทั้ง 5 แห่ง และสั่งให้เจ้าของตลาดรื้อถอนตลาดภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ถ้าไม่ดำเนินการให้กทม.ดำเนินการรื้อเองโดยเจ้าของตลาดออกค่าใช้จ่าย และให้ระงับการประกอบกิจการตลาดทั้ง 5 แห่ง และห้ามผู้ค้ารายย่อยตั้งแผงค้าในหมู่บ้าน ระงับเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านให้เป็นรูปธรรมภายใน 7 วันนับแต่คดีถึงที่สุด

รวมทั้งกทม.ต้องชดใช้ค่าสินไหมต่อการทำละเมิดแก่น.ส.บุญศรี กับพวกรวม 4 คนๆละ 50 ต่อวันต่อคนนับแต่วันที่ 10 มี.ค. 2554 จนถึงวันที่ 23 ก.พ. 2561 ที่ผู้ว่ากทม.สั่งระงับกิจการตลาดทั้ง 5 แห่งเป็นรูปธรรม คิดเป็นจำนวนวัน 2,542 วัน คิดเป็นค่าสินไหมทดแทนต่อคน 127,100 บาท ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่ 30 ก.ย. 2556 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ และให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุด จากนั้น องค์คณะก็ได้แจ้งคู่กรณีว่าศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีนี้วันที่ 16 พ.ค.นี้ เวลา 10.30 น. หากฟังแล้วคู่กรณีติดใจสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันอ่าน

ด้าน น.ส.บุญศรี กล่าวสั้นๆ ภายหลังว่า ยังไม่ขอออกความเห็นใดๆ เนื่องจากจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล สิ่งที่ทำเป็นการต่อสู้มาหลายปีเพื่อขอคืนที่อยู่อาศัยและความเป็นธรรม ขอให้รอฟังคำพิพากษาวันที่ 16 พ.ค.นี้แล้วจะให้ความเห็นได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน