จากกรณีที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ เรื่องราวของ “เจ้าสร้อยมาลา” ที่อ้างว่าเป็นทายาทอดีตกษัตริย์ลาว ขายอัญมณี-เครื่องเพชรประจำตระกูล ได้เงินกว่า 40 ล้านบาท แบ่งเงินบางส่วนทำบุญ-ถวายเป็นปัจจัยแด่เจ้าอาวาสวัดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่หลายแห่ง วัดละ 30,000-200,000 บาท รวมเป็นเงินนับล้านบาท เพื่อให้เป็นค่าอาหารกลางวันสามเณรที่บวชเรียนจำนวนหลายร้อยรูป เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้อาศัยแผ่นดินไทย ก่อนหน้านี้ได้นำเครื่องประดับทองคำ และผ้าซิ่นทองคำ ออกมาประมูลขาย นำเงินมาทำบุญ และเลี้ยงสุนัขจรจัดจนเป็นที่ฮือฮาในสังคมชาวเชียงใหม่หลายครั้ง
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ข่าวสดออนไลน์เข้าพบ เจ้าสร้อยมาลา อินทร์เอี่ยม ณ จำปาสัก อายุ 73 ปี เจ้าของเรือนไหมเจ้าสร้อย ตั้งอยู่เลขที่ 103 ม.2 บ้านหนองสร้อย ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่แชร์กันในโลกออนไลน์ โดยเจ้าสร้อยมาลากล่าวว่า ตนเป็นหลานของเจ้าลาวองค์สุดท้าย เกี่ยวพันธ์กับตระกูล ณ ลำปาง รุ่นที่ 6 เป็นเหลนของหลวงพ่อเกษม เขมโกอีกด้วย
“มาอยู่ประเทศตั้งแต่เด็กๆอายุ 3 ขวบมาเรียนหนังสือที่นี่ จากนั้นกลับไปประเทศลาว และกลับมาอยู่ไทยอีกครั้ง เมื่อพ.ศ.2508 หลังจากประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาสร้างครอบครัวที่นี่จนถึงทุกวันนี้”
เริ่มทำบุญครั้งแรกก็เป็นการทำบุญธรรมดาทั่วไป พอพ.ศ.2505 เริ่มบูรณะวัดร่ำเปิง ต.สุเทพ กรมศิลปากรให้เป็นประธานเจ้าภาพใหญ่บูรณะและพัฒนาวัดทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ จากนั้นก็เริ่มทำบุญกับทางวัดต่างๆมาอย่างเนื่อง การทำบุญมีจิตมุ่งมันจะเป็นผู้ให้เสมอ ใครมาขออะไรก็จะให้ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือผู้พิการ
ครั้งที่ทำบุญครั้งใหญ่ที่สุดคือบูรณะวัดพระธาตุดอยแต จ.ลำพูน ต่อมาเมื่อสามีที่ประกอบอาชีพที่ดินจังหวัด ได้ย้ายไป จ.พิจิตร ก็ได้เป็นเจ้าภาพบูรณะวัดเนินเศรษฐี อ.โพธิ์ทะเล จ.พิจิตร และอีกจำนวนมาก
ครั้งใหญ่ล่าสุดครั้งนี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ทำบุญเนื่องในวันเกิดของสามีตน คือนายศุภโชค สุขสิน อายุ 80 ปี อดีตข้าราชการเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ รวมเงินทำบุญทั้งหมด จำนวน 1,200,000 บาท ค่าใช้จ่ายทำบุญหลักๆคือ ถวายวัดใน วัดหนองบัว อ.ดอยสะเก็ด 200,000 บาท วัดพระมหาบรมฐาตุเจ้าดอยเกิง อ.ฮอด 250,000 บาท วัดศรีปันเงิน อ.สันป่าตอง 50,000 บาท
มอบเงินให้คนจนรายละ 2,000 จำนวน 68 ราย , พระเณรรูปละ 1,000 บาท จำนวน 36 รูป แม่ชีองค์ละ 1,000 บาท จำนวน 8 คน, และมีผู้ยากไร้ป่วยเป็นมะเร็งอีก 100,000 บาท เป็นชาว กทม. ถวายให้ผู้บวชพราหม์ เทพมนต์เทียน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จำนวน 25,000 บาท, โรงเรียนตาบอดเชียงใหม่ จำนวน 10,000 บาท, มอบให้สถานปฏิบัติธรรม พระนเรศดอยเชียงดาว 50,000 บาท และวัดอื่นๆอีก และจัดเลี้ยงประชาชนทั่วไปในวันดังกล่าว รวมเงินทำบุญทั้งหมด จำนวน 1,200,000 บาท และการทำบุญใหญ่ครั้งนี้มุ่งมั่นเช่นเดิมคือต้องการเป็นผู้ให้ ที่สำคัญเป็นการทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
เจ้าสร้อยมาลากล่าวว่า ทุกวันนี้ตนได้มีอาชีพขายเครื่องเพชร เครื่องเงิน ทองรูปพรรณ และผ้าไหมลาว จากหลวงพระบาง โดยเฉพาะผ้าไหมเป็นมรดกตกทอดมาจากครอบครัวเครือญาติทั้งหมดที่นำมาเก็บไว้ทีบ้านเรือนไหมเจ้าสร้อยแห่งนี้มานานตั้งแต่ตนเองเข้ามาอยู่ที่นี้