พบแล้วรถตู้ของพระพรหมเมธีจอดทิ้งไว้ที่วัดป่าในจ.นครพนม ก่อนที่จะมีลูกศิษย์พาหนีไปลงเรือข้ามแม่น้ำโขงเข้าสปป.ลาว ตร.จับกุมสีกา จ. เข้าเซฟเฮ้าส์สอบเครียดหาเส้นทางหนี

จากกรณีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันซักฟอกทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในปี 2557 มูลค่าความเสียหาย 250 ล้านบาท ก่อนพระผู้ใหญ่ 4 ใน 5 รูปถูกจับสึก และส่งขังคุกไปแล้วนั้น ขณะที่ ตร.กองปราบฯ ยังคงเร่งไล่ล่าตัวพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีไปฝั่งลาว ด้านจ.นครพนม หลังพบรถตู้ของพระรูปดังกล่าว จอดทิ้งไว้ที่วัดในอ.เรณูนคร ก่อนที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดจะพาหลบไปหนีผ่านช่องทางธรรมชาติไปประเทศเพื่อนบ้านนั้น อ่านข่าว ‘พระพรหมเมธี’เผ่นซุกลาว เผยจอดรถทิ้งก่อนลงเรือข้ามโขง ตร.คุมตัวสีกาพาหนีสอบแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี หมู่ 9 ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ที่พระพรหมเมธี นำรถยนต์ที่ใช้หลบหนีไปจอดทิ้งไว้หน้ากุฏิของวัด ตั้งแต่คืนวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บร่องรอยและนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ ภายในรถไปแล้วนั้น ก่อนที่จะเผ่นหลบหนีไปที่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยเบาะแสพบว่ามีสีกาคนหนึ่งพาข้ามพรมแดนผ่านช่องทางธรรมชาติหนีไปได้นั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถตู้ของพระพรหมเมธี ที่จอดทิ้งไว้ที่วัดป่าก่อนลงเรือหนีไปสปป.ลาว

โดยรถยนต์ของพระพรหมเมธี ที่จอดทิ้งไว้ก่อนที่จะหนีไปฝั่งลาว พบว่าเป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล่าสุดในช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบตรวจยึดรถคันดังกล่าว ซึ่งเป็นพาหนะที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่ใช้ในการหลบหนีไปเก็บไว้ที่โรงรถของสภ.เรณูนคร แล้ว ส่วนกุฏิเจ้าอาวาสประตูด้านหน้าถูกล็อกกุญแจ โดยภายในวัดบรรยากาศเงียบสนิท ไม่พบพระเณรอยู่ภายในวัดแม้แต่รูปเดียว

นายสำรอง แสนศรี วัย 61 ปี ญาติโยมที่อยู่หน้าวัดสุคนธรักษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3-4 นาย ซึ่งคาดว่าเป็นตำรวจนอกพื้นที่ ขับรถกระบะมาสอบถามตนว่าพบเห็นพระพรหมเมธี ที่นำรถยนต์หรูมาจอดไว้หรือไม่ และยังถามด้วยว่าเจ้าอาวาสวัดสุคนธรักษ์อยู่วัดหรือไม่ ตนจึงตอบว่าเจ้าอาวาสวัดออกจากวัดไปฝั่งลาวได้ 3-4 วันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปกับใครบ้าง เพราะพระมีลูกศิษย์ลูกหาส่วนใหญ่เป็นชาวลาว ที่มักจะแวะเวียนมาทำบุญที่วัดแห่งนี้บ่อยครั้ง

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวด้วยว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนชุดใหญ่ อาทิ บช.ก บช.ภ.4 และ บช.สตม. กว่า 100 นาย เดินทางไปรับตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบกว่า 10 นาย ที่เดินทางไปจับกุมตัวพระพรหมเมธี ที่วัดแห่งหนึ่งในแขวงคำม่วน สปป.ลาว แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้านของลาว จับกุมตัวไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของฝั่งไทย และเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดนครพนม ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแขวงคำม่วน เพื่อให้ไปรับตัวตำรวจกองปราบ 10 นาย ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 กลับมายังฝั่งไทยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งติดตามและหาเบาะแส เพื่อติดตามตัวพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีเงินทอนวัดต่อไป ว่าหลบหนีไปที่วัดในฝั่งลาว หรือหลบหนีไปซุกอยู่ที่บ้านพักลูกศิษย์คนใกล้ชิดหรือไม่ ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่าตามด่าน ตม.ชายแดน โดยเฉพาะที่บริเวณท่าเรือข้ามฟาก และ ตม.บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ยังคงติดหมายจับพระพรหมเมธี 1 ในพระชั้นผู้ใหญ่ ที่ยังคงหลบหนีไปกลบดานอยู่ที่ฝั่งลาว ซึ่งคาดว่าอาจได้ตัวในเร็วๆวันนี้ เพื่อมาดำเนินคดีต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า อดีตพระพรหมเมธี มีความคุ้นเคยกับญาติโยมที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว จึงมีลูกศิษย์อยู่ฝั่งลาวมากมาย หลังถูกออกหมายจับจึงได้หลบหนีมาอาศัยอยู่กับลูกศิษย์ที่ประเทศลาว สำหรับสีกาชื่อ จ. นั้น ยังถูกเค้นสอบอย่างหนัก ในเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ส่วนคนลาวที่มากับสีกา จ. ถูกปล่อยตัวกลับประเทศไปตั้งแต่คืนวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน