จ่อฟันคดีฉ้อโกง อดีตผู้การเลย ปมเงินสหกรณ์หาย 229 ล้าน ผบช.ภ.4 ชี้เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เสนอ ผบ.ตร.ลงโทษอาญาและวินัย แฉเจอเพิ่มที่หนองบัวลำภูและขอนแก่นอีก 130 ล้าน

จ่อฟันคดีฉ้อโกง วันที่ 12 มิ.ย. ที่ บช.ภ.4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า กรณีข้าราชการตำรวจในจังหวัดเลย จำนวน 192 ราย ที่เข้าร่วมและโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย โดยมี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล อดีต ผบก.ภ.จว.เลย เป็นประธานโครงการและบริการจัดการหนี้ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ แต่สุดท้ายเกิดปัญหา โดยเรื่องดังกล่าวได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และยังเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน บช.ภ.4 ทำการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงิน รวมถึงการเรียกตัว พล.ต.ต.สุทิพย์ มาสอบสวนรายละเอียดข้อเท็จจริง 2 ครั้ง แต่ไม่มาพบ มีเพียงการส่งเอกสารายงานถึงการเอาเงินของสมาชิก โครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย ไปร่วมหุ้นกับสองสามีภรรยาชาวจังหวัดขอนแก่น เท่านั้น อ่านข่าว สั่งสอบ อดีตผบก.เลย คลี่ปมเงินสหกรณ์หาย 229 ล้าน 7 วันรู้ผล (คลิป)

อ่านข่าว สั่งสอบรองผบช. !! ‘บิ๊กแป๊ะ’ จี้เร่งคลายปม 192 ตำรวจเลย ร้องโกงกองทุนหนี้ 229 ล. สงสัยแชร์ลูกโซ่ ประสาน ปปง.เช็ก

พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และชุดสืบสวนสอบสวน บช.ภ.4 ได้เรียกให้มาพบเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ บช.ภ. 4 หาก ไม่มาพบก็จะถูกดำเนินคดีอาญา และเอาผิดทางวินัย ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกิดขึ้นระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค.60 ที่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเลย ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจนอาจถูกฟ้องบังคับคดี ซึ่งจะส่งผลต่อหัวหน้าที่ราชการได้

“พล.ต.ต.สุทิพย์ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย และเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ได้เสนอโครงการกู้รวมหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย โดยให้สมาชิกกู้เงินจากสหกรณ์นำไปชำระหนี้ และปิดบัญชีสถาบันการเงินอื่นให้สมาชิกเป็นหนี้สหกรณ์แห่งเดียวเท่านั้น พล.ต.ต.สุทิพย์ จึงได้เสนอโครงการบริหารหนี้ในคราวเดียว ซึ่งจะบริหารหนี้ของสมาชิกให้หมดไป หรือลดน้อยลงแต่โครงการกลับมีปัญหาเกิดขึ้น” พล.ต.ท.สุรชัย กล่าว

ผบช.ภ.4 จ่อฟันอาญาและวินัย อดีต ผบก.เลย ปมเงินสหกรณ์หาย 229 ล้าน

ผบช.ภ.4 จ่อฟันอาญาและวินัย อดีต ผบก.เลย ปมเงินสหกรณ์หาย 229 ล้าน

พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวนพบว่าพฤติกรรมและการกระทำ มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ คือการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และน่าจะมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมกระทำผิดหลายอย่างและคดีอื่นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ขอนแก่นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับ นางแดง (นามสมมุติ) พร้อมสามี ซึ่งโกงเงินไปมูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท โดยพฤติกรรมในการทำความผิดแบบเดียวกันกับพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู แต่ผู้เสียหายในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ขอนแก่น นั้น มีทั้งข้าราชการระดับสูง และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม

แผนฝังเส้นทางการเงินที่เกิดปัญหา

แผนฝังเส้นทางการเงินที่เกิดปัญหา

“ขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัด มีมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นหลายร้อยล้านบาท ถือเป็นคดีสำคัญของตำรวจภูธรภาค 4 มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและน่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผู้ติดต่อสอบถามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ เป็นจำนวนมาก จึงได้โอนเรื่องทั้งหมดมาที่ บช.ภ.4 ซึ่งมี พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อทำการสอบสวนในคดีดังกล่าว ที่อาจปรากฏพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไม่มีผู้ร้องทุกข์ในคดีอื่นเชื่อมโยงกับคดี ให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนใช้อำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกันด้วย และถ้าประชาชนผู้ใดได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์กรณีกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนกรณีดังกล่าวให้มาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ในวันเวลาราชการ” พล.ต.ท.สุรชัย กล่าว

พล.ต.ท.สุรชัย กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของข้าราชการตำรวจในจังหวัดเลย จำนวน 192 ราย ที่เข้าร่วมและโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย ว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและคณะสืบสวนสอบสวน ได้มีการตรวจสอบสอบสวนจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น พบว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ 2527 มาตรา 4, 5 ซึ่งจะมีการดำเนินคดีอาญากับพล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ 2527 และความผิดทางวินัย โดยจะทำหนังสือเสนอไปยัง ผบ.ตร.รับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน