ไม่ใช่ ร่างทรง หรือผู้มีอิทธิฤทธิ์ พศรีอาริยเมตตรัย ยันเป็นแค่คนสอนธรรมะ ชี้แจงปมลอยตัวได้ เก็บค่าครู คนละ 3,000 บาท ไม่หวั่นกระแสปราบร่างทรง ท้าคนที่ไม่เชื่อและลบหลู่ ให้มานอนกุฏิ 3 คืน หากนอนได้พ้น 3 คืน จะกราบเท้า

ร่างทรง

ท้ามานอนที่กุฏิได้3คืน ยอมกราบ

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังสำนักสอนธรรม พศรีอาริยเมตตรัย สัจจพุทธบารมี ซึ่งเป็นสำนักธรรมของ นายพศรีอาริยเมตตรัย สัจจพุทธบารมี ที่ พระราม 2 ซอย 76 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

ร่างทรง / หลังจากมีกระแสดราม่า ว่าเป็นร่างทรง มีอิทธิฤทธิ์ สามารถลอยตัวได้ และเก็บค่าครู คนละ 3,000 บาท

ร่างทรง

ยันลอยตัวไม่ได้

นายพศรีอาริยเมตตรัย กล่าวว่า แต่เดิมตนชื่อ นายดาวรุ่ง จันทนะโสตถิ์ อยู่บ้านเลขที่ 55/5 หมู่ 12 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แต่ต่อมามีเทพมาสั่งให้เปลี่ยน จึงเปลี่ยนเป็นชื่อนี้มาตลอด

ตนไม่ได้เป็นร่างทรง หรือเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ เป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรม แล้วมีบุญบารมีเท่านั้น ซึ่งตนปฏิบัติธรรม มาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนตอนนี้ตนอายุ 50 ปี แล้ว

ร่างทรง

ผมเป็นแค่คนสอนธรรมะ

ปัจจุบันก็ยังคงปฏิบัติธรรมอยู่ ก่อนหน้าที่ตนจะปฏิบัติธรรม เมื่อตอนอายุ 10 ปี เคยเข็นรถขนผักมาก่อน เพราะครอบครัวขายผัก อยู่ที่ ตลาดย่านรังสิต

มีครอบครัว เคยแต่งงาน มีภรรยา 2 คน แต่ไม่เคยอยู่กินกันแบบสามี ภรรยา อยู่กันในฐานะเพื่อนร่วมบุญ เกื้อหนุนกันมากกว่า ตนไม่เคยไปนอนกับใคร

ร่างทรง

บริเวณภายในสำนักฯ

ก่อนหน้านี้เคยไปนอน แต่ไม่สามารถนอนได้ เนื่องจากรู้สึกปวดหัวและไม่สบายตัว จึงไม่เคยนอนด้วยกันอีกเลย

เริ่มรู้ว่ามีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ตั้งแต่เด็กแล้ว สมัยที่ยังเด็กเดินกลางถนน บ่นว่าไม่มีเงิน ครอบครัวลำบาก

อยู่ๆก็มีเงินปลิวมาให้ใช้ เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงอยากศึกษาธรรมะ พออายุ 15 ปี ก็ตัดสินใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

แต่ก่อนก็จะนั่งสมาธิทั้งวัน พอภายหลังก็เริ่มลดลง เพราะต้องทำอย่างอื่นด้วย เมื่อเริ่มมีการสอนธรรมะอย่างจริงจัง ก็เริ่มสร้างกุฏินี้ขึ้นมา ประมาณ 15 ปีแล้ว และนอกจากนั้น ก็ยังมีสำนักอยู่ที่ พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา อีกด้วย

ส่วนใหญ่จะให้คนเข้ามานั่งสมาธิ แผ่เมตตา และก็เป็นพื้นที่สอนธรรมะ ช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์ เเละยังเปิดให้เป็นพื้นที่ที่พระสงฆ์ ที่เดินทางธุดงค์มาจากพื้นที่ห่างไกลเข้ามาพักอาศัย แต่ส่วนใหญ่อยู่กันไม่ค่อยได้เนื่องจากเจ้าที่แรง

ส่วนใหญ่ ลูกศิษย์จะเดินทางมาหาตนเดือนละ 4-5 มาปรึษาเรื่องต่างๆเนื่องจากมีความทุกข์ ตนก็ใช้คำสอนของพระพุทธ สอนสั่งในหลักของความเป็นจริง ที่ล้วนแล้วมนุษย์เป็นกระทำตัวของตัวเองทั้งนั้น

ส่วนที่ว่ามีการเก็บค่ายกครูถึง 3 พันบาทนั้นไม่เป็นความจริง และไม่รู้ว่าไปเอาข่าวมาจากไหนกันมั่วไปหมด ตนไม่เคยเก็บเงิน

ถ้าจะมาก็มีเริ่มต้นที่ 99 บาท หรือ 199 บาท หรือคนที่ไม่มีไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ส่วนใหญ่ที่มาก็จะมาสอนนั่งสมาธิและทำการอาบน้ำมนต์

ซึ่งบางคนก็จะนำน้ำเปล่ามาให้ตนจิ้มเพื่อรักษาโรคตามความเชื่อของแต่ละคน บางคนหายจากโรคร้าย ก็นำรถมาถวาย ล่าสุดก็ถวายรถตู้มาให้

ใครที่บอกว่าตนหาเงินจากค่าครูนั้น ป่านนี้ตนคงจะรวยมาก ไปตรวจสอบเงินในบัญชีได้ว่ามีไม่ถึง 1,000 บาท

การใช้ชีวิตส่วนตัวที่ดูหรูหราก็ไม่เป็นความจริง ดูจากการแต่งตัวว่าตนไม่ได้มีอะไรเลยและติดดิน ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกศิษย์ทั้งนั้นบริจาคมาให้

ส่วนตัวตนเป็นคนชอบไปนั่งสมาธิในป่า และไม่ได้เป็นป่าที่สงบแต่เป็นป่า ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นการฝึกสมาธิให้กับตัวเอง

ในส่วนของตอนนี้ที่มีกระแสแฉร่างทรงเกิดขึ้นเยอะ ถึงขนาดจะมีการปราบปรามนั้น ตนไม่กลัว ขอบอกว่าไม่กลัว

เพราะสิ่งที่ตนทำไม่ได้หลอกลวงผู้อื่น ที่มีกระแสว่าตนเป็นร่างทรง มีอิทธิฤทธิ์ สามารถลอยตัวได้นั้น ไม่เป็นความจริง

ตนนั่งสมาธิตามปกติ แต่ชาวเน็ตนำรูปไปตัดต่อ และบอกว่าลอยได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ซึ่งตนสามารถ ฟ้องได้ แต่คิดว่า มันเป็นกรรม จึงอโหสิกรรมให้

“หากไม่มีคนเชื่อ ไม่เป็นไร ผมไม่อยากพูดอะไรมาก เนื่องจาก คนเรามีความเชื่อแตกต่างกัน แต่ขอท้าคนที่ไม่เชื่อและลบหลู่ ขอท้าให้มานอนกุฏิ 3 คืน หากนอนได้พ้น 3 คืน ผมจะกราบเท้า เพราะก่อนหน้านี้ มีพระธุดงค์ มาอาศัยนอนอยู่ที่นี่ ประมาณ 3 วัน ก็ไม่สามารถนอนได้ เนื่องจากปวดหัวและหายใจไม่ออก เพราะสถานที่แห่งนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย หากบุญบารมีไม่ถึง ก็ไม่สามารถอยู่ได้” นายพศรีอาริยเมตตรัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน