บิลลี่หาย / ดีเอสไอ มีมติรับคดีบิลลี่หาย เป็นคดีพิเศษ อธิบดีสั่งให้ลุยต่อจากหลักฐานที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ด้านเมียบิลลี่วอนเร่งทำคดี จี้เอาเลือดที่พบในรถเจ้าหน้าที่อุทยานส่งตรวจเมืองนอก เพื่อให้รู้ว่าเป็นเลือดใคร

บิลลี่หาย / เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2561 มีมติรับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ ‘บิลลี่’ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 เป็นคดีพิเศษ

ว่า หลังจากที่ประชุมมีมติรับคดีการหายตัวไปของนายพอละจีเป็นคดีพิเศษ ตนได้มอบหมายให้กองคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ รับไปดำเนินการเร่งรัดสืบสวนสอบสวนเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

โดยไม่มีกรอบระยะเวลาของการทำงาน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้มีการข้อมูลการสืบสวนสอบสวนไปบ้างแล้ว และการรับเป็นคดีพิเศษคดีในครั้งนี้ก็จะใช้ข้อมูลที่เคยเก็บมาก่อนหน้านี้เป็นแนวทางในการทำคดี

บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ

ด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ดีเอสไอ มีมติรับเรื่องของพี่บิลลี่ เป็นคดีพิเศษ ก็ยังรู้สึกดีว่าเรื่องไม่ได้เงียบไป แม้ผ่านมา 4 ปีแล้วก็ตาม โดยก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ ได้นำรองเท้าบู๊ทยาง 1 คู่ เชือกคาดศรีษะ เชือกผูกข้อมือ แปรงสีฟัน บุหรี่สีน้ำตาลครึ่งมวน ผ้าห่มสีเทา 1 ผืน เสื้อกันหนาวสีดำ 1 ตัว เส้นผมที่ติดอยู่ในเสื้อกันหนาวของพี่บิลลี่ไป

รวมทั้งเข้ามาเก็บดีเอ็นเอของลูกชาย เพื่อไปตรวจกับคราบเลือดที่พบในรถเจ้าหน้าที่อุทยานว่าเป็นเลือดของพี่บิลลี่หรือไม่ แต่ผลการตรวจดังกล่าว ยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดของพี่บิลลี่จริงไหม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่ามีตัวอย่างเลือดน้อยไป ไม่สามารถระบุได้ เพียงแค่รู้ว่าเป็นเลือดของเพศชายเท่านั้น

“อยากให้ดีเอสไอ เร่งสืบสวนสอบสวนคดีของพี่บิลลี่โดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าหายไปไหนกันแน่ ใครเป็นคนทำให้เขาหาย และอยากให้นำเลือดที่พบในรถเจ้าหน้าที่อุทยานไปตรวจที่ต่างประเทศ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าเลือดนั้นเป็นเลือดของบุคคลใด เพื่อจะได้รู้ให้แน่ชัดว่าเลือดที่พบนั้นเป็นเลือดของใครกันแน่” ภรรยาบิลลี่ กล่าว

 

อ่าน “ดีเอสไอ” ยุติการสืบสวนคดี “บิลลี่” หายตัวหลังไม่พบพยานหลักฐานใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน