ตร.บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จังหวัด จับผู้ต้องหา 34 ราย เป็นแก๊งชาวจีนหลอกเหยื่อปล่อยเงินกู้ แต่ต้องมีวงเงินเครดิต เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินผ่านวีแชทก่อนปิดแอพเผ่นหนี ยึดทรัพย์กว่า 50 ล้าน เผยเหยื่อบางรายใช้เงินก้อนสุดท้ายโอนให้จนหมดตัว ก่อนเครียดจัดผูกคอฆ่าตัวตาย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงผลปฏิบัติการร่วมไทย-จีน บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ในพื้นที่ 4 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี และภูเก็ต รวม 14 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 34 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 19 ราย เป็นชาวจีน 17 ราย พม่า 1 ราย ชาววานูอาตู 1 ราย และผู้ต้องแก๊งพนันออนไลน์จับกุมได้ 15 ราย เป็นชาวจีน 9 ราย เมียนมา 3 ราย และที่ราบสูงอีก 3 ราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สินทั้งรถยนต์หรู โฉนดที่ดิน และเงินสด รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันจับกุมเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา

แถลงข่าว

สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 34 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 19 ราย เป็นชาวจีน 17 ราย พม่า 1 ราย ชาววานูอาตู 1 ราย และผู้ต้องแก๊งพนันออนไลน์จับกุมได้ 15 ราย เป็นชาวจีน 9 ราย เมียนมา 3 ราย และที่ราบสูงอีก 3 ราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สินทั้งรถยนต์หรู โฉนดที่ดิน และเงินสด รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันจับกุมเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา

ของกลางรถยนต์หรู

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ตั้งฐานอยู่ในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ มีความเจริญและมีเทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายสะดวกต่อการติดต่อสื่อสาร โดยพฤติการณ์ของแก๊งนี้ได้ตั้งตัวเป็นบริษัทการเงิน ปล่อยเงินกู้ โดยโฆษณาผ่านทางวีแชท ทำให้คนจีนทั่วไปทราบใครหลงเชื่อจะติดต่อขอเงินกู้ ซึ่งต้องมีวงเงินเครดิตก่อน และดำเนินการต่างๆผ่านระบบวีแชท โดยจะหลอกให้โอนเงินเข้ามาแล้วคนร้ายก็จะถอนเงินและปิดวีแชทแล้วหนีไป

ทรัพย์สินที่ยึดได้

นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกแก๊งดังกล่าวหลอก จนตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตาย เนื่องจากถูกหลอกเงิน ซึ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายคิดเป็นเงินไทยจำนวนกว่า 2.5 ล้านบาท และยังพบว่าตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยแล้วปั่นหุ้นในตลาดหุ้นจีน เจ้าหน้าที่จึงค้นบริเวณห้างฟอร์จูน ย่านรัชดา จากการสืบสวนพบว่าแก๊งคนร้ายดังกล่าวได้ตั้งบริษัทตั้งแต่ปี 2558 หลังจากนี้จะประสานกับตลาดหลักทรัพย์ประเทศจีน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ของกลางหลายรายการ

พร้อมกันนี้ เฉิน จูน กล่าวขอบคุณ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ และทางคณะตำรวจประเทศไทยที่ให้ความร่วมมือ และการวางแผนการปฏิบัติงานได้อย่างดีตลอดมา หากประเทศไทยต้องการความช่วยเหลือทางประเทศจีนก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน