บิ๊กแป๊ะ สั่ง ผบช.น. เช็กสำนวนคดีลูกชายลุง โดดตึกดับ ถูกแทงเสียชีวิต และให้รายงานกลับมาด้วยว่าเกิดความบกพร่องตรงไหน ยันทุกคดีตำรวจทำเต็มที่ ระบุ ถ้าตำรวจทำไม่ดีก็ต้องลงโทษ เผยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
จากกรณีนายศุภชัย คัฬหสุนทร อายุ 52 ปี กระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตกลงมาเสียชีวิต สาเหตุคาดว่ามาจากที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องจำเลย ในคดีที่บุตรชายของตนเองถูกเเทงเสียชีวิตเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2559 จึงสร้างความเครียดแก่นายศุภชัย จนเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
โดดตึกดับ / ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีของที่นายธนิต คัฬหสุนทร ลูกชายของนายศุภชัย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 ว่าตนได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สำนวนคดีมีความบกพร่องตรงไหน จุดใด แล้วให้กลับมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นดุลยพินิจของท่าน
“ที่ผ่านมา ผมกำชับตลอดว่าทุกคดีต้องสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคดีดังหรือไม่ดังก็ให้ความสำคัญเท่ากัน แต่บางคดีก็มีข้อจำกัดในเรื่องการหาพยานหลักฐาน เช่นกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ มองไม่เห็น หรือหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆตรงนี้ก็อาจจะเป็นจุดอ่อนของสำนวนก็ได้ ซึ่งเรื่องกล้องวงจรปิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯก็กำชับตลอด เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการสืบสวนสอบสวน” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวยืนยันว่า ทุกคดีตำรวจทำเต็มที่ บางคดียากๆ อย่างเช่นคดีฆ่าหั่นศพตำรวจก็ทำได้ คดีนี้ก็ต้องกลับไปดูว่ามันมีส่วนบกพร่องตรงไหนอย่างไร ถ้าตำรวจทำไม่ดีตนก็ต้องลงโทษอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวของผู้เสียหาย ออกมาระบุว่า ตำรวจให้ครอบครัวแสวงหาพยานหลักฐานฝ่ายเดียวนั้น ต้องสอบถามไปยังสถานีตำรวจนครบาลที่เป็นเจ้าของคดี เพราะทุกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสวงหาพยานหลักฐานเต็มที่อยู่แล้ว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยปกติตำรวจจะแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน และเรื่องนี้ก็ไปถึงศาลชั้นต้นแล้ว จากนี้ก็ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ถ้าหากญาติผู้เสียหายจะขอรื้อหรือโอนคดีไปกองปราบปรามก็เป็นสิทธิ์ของญาติ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่
