สภาทนายเเถลงช่วย น้องบีม ด.ญ.พิการเหยื่อทนายเเสบโกงเงิน 5 ล้าน ตั้งทีมทนายติดตามเงินบังคับคดี 5 ล้านคืน หลังน้องบีมชนะคดีชั้นอุทธรณ์

น้องบีมกับแม่

จากกรณีที่น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี พร้อมด้วย ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความอาสา ที่รับว่าความคดีที่ครอบครัวถูกรถชน ในพื้นที่อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 จนกระทั่งบริษัทคู่กรณียอมจ่ายเงินเยียวยาเป็นเงิน 5 ล้านบาท ด้วยการสั่งจ่ายเป็นเช็คในชื่อนายพิสิษฐ์ แต่ต่อมาเงินดังกล่าวกลับไม่ถึงมือครอบครัวน้องบีม เมื่อไปแจ้งความดำเนินคดี ก็ถูกร้องขอให้ถอนแจ้งความจนหลงเชื่อ แต่แล้วนายพิสิษฐ์ก็หายตัวไป จนต้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานหลายแห่ง ต่อมานายพิสิษฐ์ถูกตร.ดักรวบพร้อมสาวคนสนิท ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว ทนายจนมุม ไหว้ขอโทษ”น้องบีม” โต้โกง5ล้าน-เอาไปแค่5แสน ที่เหลือฝากไว้กับสาวคนสนิท ตร.ส่งฝากขัง-ค้านประกันตัว

สภาทนายความตั้งทีมทนายติดตามเงินน้องบีม

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่สภาทนายความ ว่าที่ร.ต.ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ โฆษกสภาทนายความ และกรรมการบริหารฯ อาทิ นายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว นายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาส นายทัศไนย ไชยแขวง พร้อมด้วย นางพรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 45 ปีกับ ด.ญภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม อายุ 15 ปี ด.ญ.ซึ่งพิการจากอุบัติเหตุรถชนจนทำให้พิการต้องนั่งวีลแชร์ตลอดเวลา เเละถูกทนายโกงเงินจำนวน 5 ล้านบาท ที่ทางบริษัทคู่กรณีชดเชยให้ช่วยเหลือมา มาแถลงข่าวในคดีที่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่ถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายไปแล้ว ฉ้อโกงทั้งแพ่งทั้งอาญา

ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า ตามที่นางพรทิพย์กับน้องบีม เป็นโจทก์ฟ้อง คนขับรถบรรทุก บริษัท น.นน อินเตอร์เฟด ผู้ประกอบกิจการขนส่งรถยนต์ และบริษัทประกันภัยล. เป็นจำเลยฐานละเมิด ซึ่งศาลจังหวัดไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พิพากษาให้ฝ่ายน้องบีมกับแม่ชนะคดี แต่นายพิสิษฐ์ใช้ใบมอบอำนาจ ที่อ้างว่านางพรทิพย์เซ็นให้ไว้ ไปสละการบังคับคดี

ทั้งนี้เพราะนายพิสิษฐ์ ไปรับเงินค่าเสียหายแล้วหนีไป ทำให้ 2 แม่ลูกแทบไม่ได้เงินค่าสินไหมทดแทนเลย ต่อมามาร้องสภาทนายความ เนติบัณฑิตยสภาและกระทรวงยุติธรรม จึงจัดทนายความดำเนินคดีเเบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนแพ่ง สภาทนายยื่นคำร้องขอเพิกถอนการสละการบังคับคดีเอาเงิน 5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย กับคดีอาญา ซึ่งคดีอาญาศาลจังหวัดตลิ่งชันพิพากษาลงโทษจำคุกนายพิสิษฐ์ เป็นเวลา 5 ปี

ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า ล่าสุดในส่วนของคดีแพ่ง ศาลจังหวัดไชยาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ใจความว่า หนังสือมอบอำนาจที่นายพิสิษฐ์นำมายื่นประกอบขอสละการบังคับคดี ไม่ต้องไปบังคับเอากับบริษัทจำเลยนั้น เป็นเอกสารปลอม จึงไม่มีผลเป็นตัวแทนของนางพรทิพย์ นายพิสิษฐ์ จึงไม่มีอำนาจไปรับเงินแทน

ดังนั้น นางพรทิพย์กับน้องบีมจึงยังมีสิทธิ์ในเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่ปี 59 ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ไปบังคับคดีกับบริษัท น.นน อินเตอร์เฟด ได้ตามกฎหมาย

โดยขั้นตอนต่อไป จะเป็นขั้นตอนของการสืบทรัพย์และบังคับคดีกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีทุนจดทะเบียนนับสิบๆล้านบาท เท่ากับว่านางพรทิพย์กับน้องบีมชนะคดีชั้นอุทธรณ์ เเละหากอีกฝ่ายฎีกาก็เป็นสิทธิ์ แต่กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งใหม่บัญญัติว่าจะฎีกาได้ต่อเมื่อเป็นคดีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มีข้อกฎหมายที่สำคัญจริงๆเท่านั้น

ในส่วนคดีอาญาที่ ศาลจังหวัดตลิ่งชัน พนักงานอัยการแยกฟ้องน.ส.พรปวีณ์ ชูแก้ว กับน.ส.ธิตาภา สวัสดี คนสนิทของนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ฐานฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จำเลยทั้ง 2 แถลงขอรับสารภาพ กับขอประนอมความทางแพ่งยอมใช้เงิน 5 หมื่นบาท คดีจึงรอฟังคำพิพากษาวันที่ 22 สิงหาคมนี้

ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม กล่าวว่า ขอขอบคุณสภาทนายความ สื่อมวลชน ที่ช่วยเหลือและติดตามเรื่องนี้มาตลอด ตนจะเป็นคนดี ตอนนี้เรียนชั้นม.3 โรงเรียนศรีสังวาล นนทบุรี ได้เกรด 3.85 ที่แม้ขาจะพิการจากเหตุรถชนครั้งนั้น แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต เพราะมีเพื่อนคอยดูแลช่วยเหลือ ในอนาคตยืนยันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวทีวี

ส่วนนางพรทิพย์ กล่าวว่า ดีใจที่เราชนะชั้นอุทธรณ์ เราสู้กันมาถึงชั้นนี้แล้วรูสึกขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ตอนนี้ผลการเรียนน้องบีมดีมาก เมื่อเช้าเข้าสอบ 3 วิชารวด แล้วรีบเดินทางมาสภาทนายความเพื่อเซ็นแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี

จากนั้นนายดำรงศักดิ์ 1 ในทีมบริหารสภาทนายให้นางพรทิพย์แต่งตั้งเป็นตัวแทนบังคับคดี เพื่อติดตามเงินคืน พร้อมกันนี้นายเสาวภักดิ์ได้รับติดตามคดีอาญาส่วนที่ยังค้างในศาล ส่วนร.ต.ดร.ถวัลย์ ยายกสภาทนาย ยังมอบเงินให้น้องบีมอีก 1 หมื่นบาท เป็นทุนการศึกษาอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน