เมียชายโดดตึกพร้อมทนายเข้าให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเน้นเรื่องพยาน ทนายอยากให้พยานออกมาให้ข้อมูล ไม่ต้องกลัวอิทธิพล

เมียชายโดดตึกให้ปากคำตร.

จากกรณี นายศุภชัย ทัฬหสุนทร กระโดดลงมาจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดา จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ก.ค. เนื่องจากเกิดความเครียด และผิดหวัง หลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่นายธนิต ทัฬหสุนทร ลูกชาย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว หนุ่ม แจงยิบ ขอความเป็นธรรม ยันไม่ได้แทงลูกชายหนุ่มโดดศาลเสียชีวิต (คลิป)

น.ส.ธนพร ทนายความ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค. นางเรวดี ทัฬหสุนทร และครอบครัว พร้อม น.ส.ธนพร ศิริบานเย็น ทนายความ ฝ่ายโจทย์ เดินทางมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.สส.บช.น.) เพื่อพบคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 เดินทางมาพูดคุยด้วยโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง อ่านข่าว เมียร่ำไห้แทบขาดใจ! เชิญวิญญาณสามีกระโดดตึกดับ หลังฟังคำพิพากษา (คลิป)

น.ส.ธนพร เปิดเผยว่า วันนี้ทางตำรวจเรียกฝ่ายโจทก์มาเพื่อพูดคุยในเรื่องคดี โดยให้ความสำคัญในเรื่องของพยาน ซึ่งอยากให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ไม่ต้องเกรงกลัวต่ออำนาจอิทธิพล ทั้งนี้ไม่ถือเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวน เพื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่พยานก่อนหน้านี้มี 7 ปาก ซึ่งเป็นพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีนายตง ที่เป็นประจักษ์พยานสำคัญรวมอยู่ด้วย โดยหลังจากเกิดเหตุแทง นายธนิต จนเสียชีวิตตำรวจเรียกตัวนายณัฐพงษ์ เงินคีรี หรือโจ้ (จำเลย) และนายพีรวิชญ์ ปุตตะจินารักษ์ หรือตง ประจักษ์พยานสำคัญ เข้ามาสอบปากคำทันที

โดยขณะนั้นนายตง มีอาการปกติทุกอย่าง ไม่เหมือนอาการของคนมีอาการทางจิตแต่อย่างใด กระทั่งตำรวจออกหมายเรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติม 2 ครั้งแต่ไม่มาตามนัด จึงออกหมายจับ ก่อนที่นายตงจะเดินทางเข้าพบตำรวจพร้อมบิดา โดยมีใบรักษาอาการทางจิตจาก รพ.สมเด็จเจ้าพระยา แนบมาด้วย

น.ส.ธนพร กล่าวต่อว่า แต่ในชั้นศาลทางฝ่ายพยานแนบผลการตรวจจาก สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ (รพ.นิติจิตเวช) มาใช้ยืนยันต่อศาลว่า นายตงมีอาการทางจิต จนทำให้ศาลไม่สามารถสืบพยานได้ ซึ่งตั้งข้อสงสัยในประเด็นดังกล่าวว่านายตง มีอาการทางประสาทจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่บิดาของนายตง เปิดเผยกับสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ลูกชายมีอาการทางจิตตั้งแต่ปี 58 และเคยแย้งกับทางตำรวจแล้วว่า ลูกชายไม่สามารถเป็นพยานได้ แต่ทางพนักงานสอบสวนยังยืนยันให้เป็นประจักษ์พยานและส่งสำนวนไปในชั้นศาล โดยมองว่าเป็นความผิดพลาดของทางตำรวจนั้น ทางครอบครัวและทนายฝ่ายโจทก์ รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมต่อตำรวจ และพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะให้หลักฐานทุกอย่างออกมาชัดเจน ซึ่งตำรวจยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

น.ส.ธนพร กล่าวว่า ทางครอบครัวของนายธนิตคิดจะเปลี่ยนทนายความ แต่เนื่องจากตนทำคดีนี้มาตั้งแต่ปี 59 จึงมีความรู้เรื่องคดีเป็นอย่างดี ทางครอบครัวจึงมอบหมายให้ทำคดีต่อ เพราะหากเปลี่ยนทนายใหม่ก็เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่ ส่วนตัวสำหรับคดีนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับสถาบัน เนื่องจากนายธนิต เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

ส่วนนายณัฐพงษ์ เรียนอยู่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยทั้ง 2 รู้จักกันมานาน เพราะพักอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งในสำนวนมีเพื่อนบ้านที่ทั้ง 2 ให้ความเคารพยืนยันว่ารู้จักกันมาก่อน ซึ่งทั้ง 2 เคยมีเรื่องเขม่นกันมาตลอดจากเรื่องสถาบัน แต่ไม่เคยทะเลาะกันแต่อย่างใด จนกระทั่งมีคนมาบอกว่านายอาร์รีชัย หรือเบนซ์ บุดดาวงค์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องสถาบันเดียวกันกับนายณัฐพงษ์ ถูกนายธนิตตบหน้า หลังจากนายณัฐพงษ์ทราบเรื่องจึงเรียกพรรคพวกไปเคลียร์ปัญหา

โดยเรียกนายธนิตไปคุยในมุมอับโดยมีกลุ่มวัยรุ่นเข้าไปล้อม ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายอารร์รีชัยรวมอยู่ด้วย ขณะนั้นนายตงที่เป็นพยานยืนอยู่หน้านายธนิตผู้ตาย ส่วนนายณัฐพงษ์ จำเลย ยืนอยู่หลังนายธนิต ก่อนที่นายธนิตจะล้มลง ซึ่งนายตงให้การว่าเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากทางด้านหลังซ้ายของนายธนิต ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดจะแยกย้ายหลบหนีไป

ซึ่งภาพวงจรปิดเผยให้เห็นกลุ่มคนดังกล่าวที่เดินออกมาจากซอย มีท่าทีแสดงความดีใจ โดยเชื่อว่ามีจำเลยมากกว่า 1 คนในคดีนี้ ทางตำรวจอยู่ระหว่างการสืบหาตัวกลุ่มคนดังกล่าว ส่วนคดีที่มีคนร้ายยิงเข้าไปในงานศพของนายธนิต เมื่อวันที่ 17 เม.ย.59 พื้นที่ สน.ห้วยขวางนั้น ตนคิดว่าน่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีที่ สน.ดินแดง ต้องดูสำนวนคดีให้ชัดเจนกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน