‘บิ๊กตร.’แถลง คืบหน้าคดีเรือฟีนิกซ์ล่ม ดับ 47 ศพ กลางทะเลภูเก็ต ปปง.เผยหลักฐาน เส้นทางการเงิน ยันชัดเป็นบริษัท‘นอมินี’ เจ้าของจริงเป็นชาวจีน

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีเรือบรรทุกนักท่องเที่ยว ‘ฟีนิกซ์’ เกิดภัยพิบัติทางทะเล จ.ภูเก็ต

‘บิ๊กตร.’ / พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ., พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการ กองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ร่วมกันแถลงความคืบหน้า ผลการดำเนินคดี เหตุเรือฟินิกซ์ล่ม เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต จำนวน 47 ราย โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในส่วนของเจ้าของเรือฟินิกซ์ พร้อมด้วยมารดาและพี่ชาย รวมถึงชายชาวจีน 1 คน ด้วย

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 451 / 2561 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่น่าสนใจ และให้ทำการสืบสวนความผิดเกี่ยวพันกับคดีอื่นเชื่อมโยงกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลหลายกลุ่ม รวมทั้งนิติบุคคล กรรมการ ผู้จัดการ

จากการตรวจสอบพบว่าเรือฟินิกซ์ที่อับปางนั้น เป็นของบริษัท ทีซีบลู ดรีม จำกัด ต่อมาพยานหลักฐาน นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายสมจริง บุญยัง อายุ 50 ปี กัปตันเรือฯ นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยคี อายุ 47 ปี นายช่างเรือ น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี ในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้บริหาร และกรรมการบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด

ในความผิดฐาน “กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ปัจจุบันการดำเนินการมีความคืบหน้าไปมากว่า 90% และจะสามารถส่งสำนวนการสอบสวน ให้กับพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบว่าบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด เป็นการประกอบกิจการในลักษณะนอมินี โดยผู้เป็นนายทุนแท้ๆ นั้นเป็นชาวต่างชาติ และใช้คนไทยบังหน้าในการประกอบกิจการ จึงมีการร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง และนำเสนอหลักฐานต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำนอมินีข้ามชาติ รวม 4 คน








Advertisement

โดย 1 ในนั้นเป็นผู้ต้องหาคือน.ส.วรลักษณ์ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป ส่วนอีก 2 คน เป็นคนไทยที่ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ประกอบด้วยนายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล และนางยินดี ฤกษ์ชัยกาล ขณะนี้ได้ควบคุมตัวไว้แล้ว จะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

และอีก 1 คน เป็นชาวต่างชาติ คือ นายเหล่ย ฮัว เจ้าของเงินทุนและเจ้าของบริษัทที่แท้จริง ซึ่งขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ในฐานความผิด ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ธุรกิจนำเที่ยว) โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว และถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และเป็นการที่คนต่างด้าวยินยอมให้ ผู้มีสัญชาติไทยกระทำการดังกล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวเสริมว่า กรณีของนอมินีข้ามชาตินั้น ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตยังมีอยู่หลายจุด และทางเจ้าหน้าที่ก็มีข้อมูลหมดแล้ว จึงขอให้ผู้กระทำการอยู่ได้เลิกไป และการจะแก้ปัญหาให้เด็ดขาด คนภูเก็ตต้องช่วยกันตรวจสอบ และแจ้งเบาะแส

กรณีของน.ส.วรลักษณ์ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวไปหมดแล้ว และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในส่วนของแม่และพี่ชาย วิธีการตั้งแต่ปี 2558 น.ส.วรลักษณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิงทิพย์ จำกัด บริษัท อะลอ ทราเวิล จำกัด ปี 2559 ต่อเนื่องกัน เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ต แฟมิลี่ไดส์วิ่ง จำกัด และในปี 2560 เป็น กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีซี บลูดรีมจำกัด สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าเป็น นอมินีทั้งสิ้น ดังนั้นจึงต้องมีการจัดระเบียบในประเทศ และเรื่องเหล่านี้จะต้องไม่มี สิ่งที่ดำนินคดี คือ มาตรการ ปปง. ความผิดฐานฟอกเงิน มาตรการภาษี แจ้งว่ามีรายได้เดือนละ 200,000 บาท แต่ความจริงมีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาทเศษ เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีโดยชัดเจน

ซึ่งทั้งหมดจะมีการรายงานไปยังรัฐบาลจีนให้ทราบสาเหตุว่า สิ่งที่ทางการจีนต้องการคำตอบ คืออะไรที่เป็นสาเหตุทำให้คนเสียชีวิต ส่วนลักษณะทางกายภาพนั้นเรือกำลังทำการกู้อยู่ แต่เรามีข้อมูลที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยการสอบปากคำคนต่อเรือฟินิกซ์ ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัด ได้ทำการสั่งปิดไปแล้ว เพราะต่อเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนคนที่รับจ้างต่อเรือก็ไม่ได้มีอาชีพต่อเรือโดยตรง ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาลถึง 47 ศพ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของมาตรการระยะยาวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนั้น ได้มีการตรวจสอบเรือนำเที่ยวที่มีอยู่ 400 กว่าลำเรียบร้อยแล้ว พบเรือไม่สมบูรณ์จำนวนประมาณ 30 ลำ ได้สั่งนำขึ้นทำการแก้ไขให้สมบูรณ์ และเรือที่ผ่านการตรวจแล้วจะมีการลายเซ็นของเจ้าท่ากำกับ หากเกิดอะไรขึ้นเจ้าท่าภูเก็ตจะต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา

นอกจากนี้ในการปล่อยเรือก็จะไม่มีการปล่อยเรือด้วยแฟ็กซ์อีกต่อไป โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยงาน ได้แก่ ทหารเรือ ไลฟ์การ์ด ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าท่า ตรวจสอบความพร้อมของเรือทั้ง 24 ท่า ที่กำหนดก่อนปล่อยเรือออกไปทะเล เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับเข้ามาอีก

ดังนั้นสถานการณ์ท่องเที่ยวจึงไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการจัดระเบียบในบ้าน ส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ก็มีการดำเนินการคดีไปหมดแล้วเช่นกัน ในข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และได้ส่งเรื่องให้กับทาง ปปช.

นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน มีความชัดเจนว่ากลุ่มผู้ต้องหา มีการรับเงินจากกลุ่มทุนในต่างประเทศ ขณะเดียวกันมีการส่งเงินจากต่างประเทศเข้ามาที่บริษัทต่อเรือ และนำไปชำระค่าเรือ มีเส้นทางการเงินที่ระบุถึงบุคคลที่โอนเข้ามาและโอนออกมา ส่วนกรณีที่มีที่ปรึกษากฎหมายออกมาบอกว่า มีการต่อรองหรือยัดข้อหานอมินีนั้น ลักษณะเช่นนี้อาจจะมีในกรณีที่พยานหลักฐานไม่มั่นคงหรือแน่ชัดพอ

แต่คดีนี้เมื่อเส้นทางการเงินถูกส่งให้พนักงานสอบสวนตั้งแต่ช่วงแรกๆ ยังไม่เห็นเหตุผลว่าจะต่อรองเพื่อให้รับสารภาพหรือเพื่อลดโทษต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำไม และในส่วนของเจ้าหน้าที่ ปปง.ก็ได้มีการนำเอาเส้นทางการเงิน เข้าไปสอบถามผู้ต้องหาในเรือนจำด้วยเช่นกันว่าเป็นเช่นไร จึงไม่อยากให้มีการสร้างความสับสนกับประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะมีผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

อ่านข่าว : เปิดคลิปสุดท้าย! นาทีชีวิตก่อน เรือล่ม ภูเก็ต กลืนร่างเกือบครึ่งร้อย

อ่านข่าว : ผู้รอดตายจากเรือฟีนิกซ์ล่ม เล่านาทีโศกนาฏกรรมพรากชีวิตลูกเมีย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน