เร่งปลดล็อก! แก้ประมง-เปิดบัญชีกองเรือถูกกม.หมื่นกว่าลำ เริ่มรื้อทำลายซากเรือ 779 ลำแล้ว สั่งกวาดล้าง เรือผี ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ พบใช้ซากเรือเหล่านี้ไปสวมเรืออีกลำหนึ่งแล้วลักลอบออกทำการประมงผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อการทำประมงของประเทศ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี

เรือผี / เมื่อวันที่ 29 ส.ค. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ขณะนี้มีความก้าวหน้าตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยได้ผลยืนยันชัดเจนแล้วว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเรือที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงที่ถูกต้องตามกฎหมาย 10,743 ลำ โดยที่ประชุมรับทราบผลการตรวจสอบจำนวนซากเรือต่างๆ ที่ผุผัง กีดขวางทางน้ำ หรือทางเดินเรือ ในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเลจากกรมเจ้าท่าว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 779 ลำ

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ซึ่งได้ประกาศให้เจ้าของเรือมาแสดงตนเพื่อรื้อทำลายเรือภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่า มีซากเรือ 457 ลำ จะครบกำหนด 30 วัน ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซากเรือจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการตามมาตรา 121 ของพ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย โดยเจ้าของซากเรือลำใดที่เข้ามาแสดงตนจะต้องทำลายซากเรือของตนเอง

ดีเดย์กวาดล้างเรือผี

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า แต่หากลำใดไม่มีเจ้าของเข้ามาแสดงตน ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่ารื้อทำลายซากเรือเหล่านั้น ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ขณะที่ซากเรือที่เหลืออีก 322 ลำจะครบกำหนดให้เจ้าของมาแสดงตน 30 วัน ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ โดยกรมเจ้าท่าจะปฏิบัติเช่นเดียวกัน ซึ่งเริ่มทำลายซากเรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ต่อเนื่องไปจนเสร็จสิ้นทั้งหมด

“การรื้อทำลายซากเรือในครั้งนี้ เป็นการกวาดล้างและกำจัดปัญหาเรือผี เรือสวมทะเบียนให้หมดสิ้นไปจากน่านน้ำไทย เพราะที่ผ่านมา มีการใช้ซากเรือเหล่านี้ไปสวมเรืออีกลำหนึ่งแล้วลักลอบออกทำการประมงผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อการทำประมงของประเทศไทยมาโดยตลอด รวมถึงยังเป็นช่องทางการทุจริต คอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีรัฐบาลใดกล้าเข้ามาจัดการปัญหา แต่รัฐบาลนี้กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

ซากเรือประมงที่ตรวจพบ (แฟ้มภาพ)

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า เพื่อความยั่งยืนในการทำประมงของประเทศและจะเดินหน้าทำอย่างนี้ต่อไปไม่ให้เกิดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายมาทำลายความเชื่อมั่นต่อการผลิตสินค้าประมงไทย และที่สำคัญคือการคงไว้ซึ่งการทำการประมงที่ยั่งยืนให้ชาวประมง และอุตสาหกรรมประมงไทยเกิดความมั่นคงต่อไปในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน