ตร.ผุดไอเดีย ใบสั่งจราจรไฮเทค นำระบบตัดคะแนนผู้ขับขี่บังคับใช้

ตามนโยบายรัฐบาล และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์ชา นายกฯ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ได้เดินทางอย่างปลอดภัยและถึงที่หมายโดยรวดเร็ว ตลอดจนเคารพกฏและวินัยจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุทางท้องถนนนั้น

พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนระบบการชำระค่าปรับโดยวิธีกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และ ระบบบริการจัดการใบสั่งจราจร (PTM) กล่าวว่า ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำระบบเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิงานจราจร แก้ไขปัญหาความปลอดภัยด้านการจราจร ปัญหาการจราจรติดขัด รวมไปถึงปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์

ระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร (Police Ticket Management) หรือ PTM ใช้บริหารจัดการการออกใบสั่งในภาพรวม ตั้งแต่ขั้นตอนการออกใบสั่งและบันทึกข้อมูล การจัดพิมพ์ใบสั่ง การบันทึกคะแนนผู้ขับขี่ ไปจนถึงการชำระค่าปรับ โดยจะเชื่อมต่อกับกับฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกแบบ Real Time มีการนำระบบตัดคะแนนผู้ขับขี่มาบังคับใช้

ระบบคะแนนผู้ขับขี่ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน มากกว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มค่าปรับมากๆ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อคนหาเช้ากินค่ำ ไม่สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นห่วงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ระบบคะแนนผู้ขับขี่จะสร้างความเท่าเทียมของประชาชนในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในด้านรายได้ มุ่งเน้นการสร้างวินัยจราจร ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ในหนึ่งปีผู้ขับขี่จะมีคะแนนเต็ม และจะถูกตัดคะแนน จำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับความผิดที่กระทำ ซึ่งมีกำหนดไว้ชัดเจนว่าการกระทำผิดแต่ละข้อหา ผู้ขับขี่จะถูกตัดคะแนนจำนวนเท่าใด เป็นการลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน ปิดช่องว่างการวิ่งเต้น ทุจรติ เพราะควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนหมด หากถูกตัดคะแนนจนหมด ระบบจะส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หากผู้ขับขี่ยังฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดฐานขับขี่ยานพาหนะโดยไม่มีใบอนุญาตจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาถึงอัตราความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนปัจจุบัน เนื่องจาก พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เขียนเมื่อปี ๒๕๒๒ หรือเกือบสี่สิบปีที่แล้ว ในขณะที่ปัจจุบันเทคโนโลยียานยนต์และสภาพถนนได้พัฒนาไปมาก ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามประเด็นที่มีการเสนอแก้ไข คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จสามารถส่งเรื่องกลับไปยังคณะรัฐมนตรีในไม่ช้า

อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ถือว่าเดินมาถูกทาง เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เน้นลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เร่งพัฒนาระบบขนส่งแบบรางให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อขนคนจากแหล่งพักอาศัยในแถบชานเมือง เข้ามาทำงานในตัวเมืองชั้นในและพื้นที่ศูนย์กลางทางธุรกิจ เพราะได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่าย ประหยัดระยะเวลา มีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงนโยบาย “One Transport” เชื่อมโยง “ล้อ ราง เรือ” เข้าด้วยกัน ตาม ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งของไทย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งสาธารณะของไทย เป็นการแก้ไขปัญหาจราจรแบบยั่งยืน ลดความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร

พล.ต.ท.ณัฐธรฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า การแก้ไขปัญหาจราจร นอกจากการออกกฎเกณฑ์เพื่อให้ประชาชนเคารพกฎหมายจราจร การเสนอแก้ไขกฎหมาย ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ วินัยจราจร และจิตสำนึกของผู้ขับขี่ทุกคน ในการเคารพกฎหมายจราจร การแก้ไขปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน รวมไปถึงปัญหาจราจรติดขัด จึงจะประสบผลสำเร็จ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน