แม่เฒ่าสุดดีใจ ลูกชายหายไปเกือบ20ปี! ก่อนได้พบหน้า เล่าชีวิตสุดรันทด เหมือนติดคุกที่อยู่ในนรก!

แม่ดีใจ / วันนี้(11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา ที่บ้านเลขที่ 154 ม.3 บ้านสังขะ ต.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้มีการจัดพิธีบายศรี และ ผูกข้อไม้ข้อมือ ต้อนรับ นายสมศักดิ์ สมยิ่ง อายุ 50 ปี ที่หายออกจากบ้านไปถึง 19 ปี ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มอายุ 31 ปี หลังออกไปทำงานรับจ้างก่อสร้างยังต่างจังหวัดกับคนในหมู่บ้าน จนไม่สามารถติดต่อได้และไม่กลับมาบ้านอีกเลย

และเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ สมยิ่ง กลับปรากฏตัวกลับมาบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ครอบครัวนี้ตามหาทุกวิถีทาง จนหมดความหวังที่จะตามหา และคิดว่าไม่มีชีวิตอยู่เสียแล้ว ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน

วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พบกับนายสมศักดิ์ สมยิ่ง พร้อมด้วยนางเอือด สมยิ่ง อายุ 72 ปี แม่ของนายสมศักดิ์ และญาติพี่น้อง นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ขณะที่นางเอือด สมยิ่ง ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความรู้สึกของหัวอกแม่ที่ได้พบลูกชายอีกครั้ง

– แม่น้ำตาคลอ

โดยนางเอือด สมยิ่ง อายุ 72 ปี แม่ของนายสมศักดิ์ พูดบอกผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอดมาคิดถึงลูกมาก คิดว่าเขาตายไปแล้ว ทำบุญหาเขาตลอด ตอนนี้เห็นลูกกลับมาบ้านแบบนี้แม่ก็ดีใจมากที่สุดแล้ว ไม่อยากจะได้อะไรอีกแล้ว ลูกหายไปตั้ง 19 ปี แม่ก็เสียใจเหมือนกัน คิดสงสารลูกไม่รู้ว่าลูกจะอยู่แบบไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร เห็นลูกกลับมาแม่ก็ดีใจ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้

– เจ้าตัวเผย เหมือนตกนรก

ด้านนายสมศักดิ์ สมยิ่ง ซึ่งพบว่าที่บริเวณหูทั้ง 2 ข้าง บิดเบี้ยวผิดรูป รวมทั้งหน้าผากและหน้าแข้งขาข้างขวา ก็มีร้องรอยของการถูกทำร้าย โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณปี 42 ตนได้ออกจากบ้านไปหาทำงานกับเพื่อนในหมู่บ้าน ตอนนั้นอายุประมาณ 31 ปี โดยพากันไปทำงานก่อสร้างที่ กทม. ต่อมาเพื่อนได้หนีกลับมาก่อนทิ้งให้ตนอยู่ที่นั่นคนเดียว ซึ่งตนไม่รู้หนังสือก็เลยหาทางกลับไม่ได้ เลยระเหเร่ร่อนไปหาทำงานตามที่ต่างเรื่อยมา ส่วนมากจะเป็นงานก่อสร้าง

โดยต่อมาได้ไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่ จ.ภูเก็ต จนปี 58 มีเพื่อนชวนไปลงเรือจับปลา โดยมีนายหน้าที่อยู่ จ.สมุทรปราการ เป็นผู้ประสานงานให้ ว่าจะได้เงินเดือนเดือนละ 9 พันบาท พร้อมทั้งได้ยึดบัตรประชาชนไว้ด้วย ซึ่งขณะที่อยู่บนเรือหาปลาลำบากและทรมานมาก ไม่ค่อยได้ขึ้นฝั่ง และได้ถูกเพื่อนที่อยู่บนเรือด้วยกันทำร้าย พวกเขาเสพยาเสพติด ก่อนจะใช้พลั่วตีเข้าที่หัวบาดเจ็บหลายแห่ง ทั้งใบและหน้าผาก จนในที่สุดได้ถูกทางการมาเลเซียจับกุม ติดคุกอยู่ที่มาเลเซียหลายเดือนกว่าจึงได้ออกมา โดยการช่วยเหลือของมูลนิธิปวีณา รับกลับมาประเทศไทย และทางบริษัทนายหน้าได้ให้ไปทำงานอยู่ที่โรงน้ำแข็ง อีก 2 เดือน

ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพราะไม่มีหลักฐานเอกสารยืนยันตัวตน จากนั้น จนท.ตร.จึงได้พามาส่งที่บ้านน้องสาวที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ส่วนเงินที่ทางบริษัทนายหน้าว่าจะให้ตอนไปลงเรือ 6 หมื่นบาท ตอนนี้ได้มาแค่ 4 หมื่นบาทเท่านั้น และไม่รู้ว่าให้ครบหรือเปล่าตามที่ตกลงกันไว้เดือนละ 9 พัน เพราะแต่ละเดือนเขาจะให้เงินใช้แค่ 2-3 พันบาทเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ไม่กลับมาบ้าน ตนเองกลับมาไม่ถูกเพราะไม่รู้หนังสือ จนเวลาล่วงเลยไปถึง 19 ปี ยอมรับว่าคิดถึงบ้านและแม่มาก

น.ส.นวลจันทร์ สมยิ่ง อายุ 53 ปี พี่สาวนายสมศักดิ์ บอกว่า ตอนนี้บริษัทที่พาน้องชายไปงานบนเรือประมงเขาส่งเงินมาให้แล้ว 4 หมื่นบาท พอดีได้เบอร์ทางนายหน้ามา เลยได้โทรไม่ถามเขาว่า ทำไม่น้องชายกลับมาสภาพไม่เหมือนเดิม หน้าตามีรอยเต็มไปหมด เขาก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็เลยถามเรื่องเงินว่าเขาให้มาแค่นี้หรือ เขาบอกว่าใช่และเดี๋ยวเขาจะโทรไปถามทางมาเลเซียดูให้อีกที พอวันหลังเขาโทรมาหาน้องสาวบอกว่า เงินเขาทั้งหมดเหลืออยู่แค่ 4 หมื่นบาท

ก่อนจะขอเลขบัญชีและโอนเงินมาให้ ก็เลยคิดว่าเขาให้มาแค่นี้ก็ดีแล้ว ให้แต่น้องชายเรามีชีวิตกลับมาถึงบ้านก็ดีใจแล้ว ที่ผ่านมาตลอด 19 ปี พวกเราก็ได้มีการออกตามหาอยู่ตลอด ทั้งลงเฟสลงไลน์ประกาศหาตามหน่วยงานต่างๆ รวมถึงติดต่อรายการที่เขารู้เวลามีคนขึ้นเรือลงเรือ เขาก็จะแจ้งมาบอกประจำทุกปี ว่าไม่มีคนชื่อนี้ขึ้นลงเรือนะ

– ญาติเผย นึกว่าตายไปแล้ว

นายบุญช่วย ทองจันทร์ อายุ 55 ปี ญาตินายสมศักดิ์ กล่าวว่า หายไปนานจนทางบ้านคิดว่าตายไปแล้ว จนแม่และญาติพี่น้องได้ทำพิธีเผาแบบโบราณให้ มีโลงมีอะไรทั้งหมด ทำพิธีเหมือนคนตายจริงๆ ประมาณ 2 ปีทีแล้วที่ทำ คิดว่ายังไงก็ตายไปแล้วแน่นอน และหากถ้าเขายังไม่ตายก็ขอให้เขาร้อนรนกระวันกระวายใจให้คิดถึงบ้านอยากกลับมาบ้าน เราไม่คิดว่าเขาติดคุกอยู่ที่มาเลเซีย ตนทำงานอยู่กู้ชีพก็พยายามเช็คกับเพื่อนฝูงที่ทางภูเก็ตอยู่ตลอด ก็มีแต่ข่าวมาเรื่อยๆว่ายังมีชีวิตอยู่ จนมาทำบุญ คิดว่าไม่อยู่แล้ว ส่วนแม่เวลางานสารทหรืองานอะไรก็จะร้องไห้แบบนี้ตลอด ทำบุญให้ตลอด แล้วอยู่ๆเขาก็โผล่มาเลยที่บ้านน้องสาว โดยครั้งแรกเขาว่ามูลนิธิปวีณา ไปรับตัวที่มาเลเซียกลับมาไทย ผมก็ยังงงที่เขาพูดบอกตนว่า ทำไมเขาไม่ส่งกลับถึงบ้านเลย ทำไมต้องให้ไปทำงานที่โรงน้ำแข็งอีกที่สมุทรปราการ

ขณะที่นายจิรกิต ศรีไสย กำนันตำบลสังขะ บอกว่า ตอนนี้ตนได้ติดต่อประสานในเรื่องการทำบัตรประจำตัวประชาชนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โชคดีที่เขายังไม่ย้ายชื่อเข้าไปอยู่ในทะเบียนกลาง ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะยุ่งยากเข้าไปอีก ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ได้บัตรประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน