เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.59 นายสนั่น ฉิวรัมย์ อายุ 44 ปี และน.ส.รจนา วังครอง อายุ 34 ปี สองสามีภรรยาตาพิการบอดทั้งคู่ พักอยู่เลขที่ 246/22 บริเวณตลาดแฮปปี้ไลท์ ตำบลในเมือง อ.เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเปิดเป็นร้านนวดแผนไทย ร้องเรียนผ่านสื่อ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทขายเครื่องไฟฟ้าแห่งหนึ่ง

นายสนั่น เล่าว่า ตนกับภรรยาได้เช่าห้องแถวห้องนี้เดือนละ 2,500 บาท เปิดเป็นสถานที่บริการนวดแผนไทยมานานหลายปี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีเซลส์แมนมาติดต่อขายเครื่องซักผ้าให้ แต่ได้แจ้งไปว่าไม่มีเงิน เซลส์ได้พยายามหาแนวทางที่จะขายให้ โดยเสนอเงื่อนไขให้ด้วยการออกเงินดาวน์จำนวน 1,490 ให้ก่อน จึงตกลงซื้อเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง 11 กิโล เพราะเครื่องซักผ้าเก่ามีขนาดเล็ก จึงเอาเครื่องเก่าบริจาคให้กับคนที่ยังไม่มี

วันส่งเครื่องซักผ้า ตนกับภรรยาดีใจมาก เพราะได้เครื่องซักผ้าใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมไม่ต้องซักหลายรอบ ผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์ เครื่องซักผ้ารั่วเก็บน้ำไม่อยู่ ร้านได้ส่งช่างมาซ่อมด้วยการเอาลวดมาผูกให้ โดยต่อมาเซลส์ที่ขายให้ มาเก็บค่าเงินดาวน์ 1,490 บาท ส่วนเครื่องซักผ้าก็ใช้ตามปกติ

จนกระทั่งหลังจากได้ส่งงวดแรก จำนวนเงิน 803 บาท มีเพื่อนบ้านมาดูเครื่องซักผ้า พบมีความผิดปกติ เพราะมีรอยขูดขีดทั่วเครื่อง ไม่มีทั้งกล่องใส่มาตอนเอามาส่งและไม่มีคู่มือการใช้ โดยเพื่อนบ้านยืนยันว่าเป็นเครื่องซักผ้าเก่า ตนจึงโทรศัพท์ถามเซลส์คนเดิม โดยได้รับการยืนยันว่าเป็นเครื่องซักผ้าใหม่

พอเรื่องถึงผู้จัดการบริษัทออกมาดูจากเอกสารการจ่ายเงินแล้วยอมรับว่าเครื่องซักผ้าเครื่องนี้เป็นเครื่องมือสอง ไม่ใช่เครื่องใหม่ แต่ไม่ได้พูดถึงแนวทางการเยียวยา เพียงแต่แจ้งว่าหลังปีใหม่ค่อยมาคุยกัน จนเพื่อนบ้านเกรงว่าจะถูกหลอกซ้ำสอง เพราะราคาที่ตกลงกัน 18,000 บาท แต่ในใบสัญญาเพื่อนบ้านบอกว่าราคา 20,762 บาท

ถึงขนาดนี้ตนไม่อยากได้เครื่องซักผ้าเครื่องนี้แล้ว และไม่อยากซื้อกับบริษัทนี้อีก ตอนนี้อยากให้บริษัทคืนเงินที่ส่งงวดไปแล้วเอาเครื่องซักผ้ากลับคืนไป เพราะถือว่าหลอกลวงผู้บริโภค และมีพฤติกรรมช่อโกง แต่ไม่อยากเอาเรื่อง เพียงแต่บริษัทต้องออกมารับผิดชอบ เพื่อไม่ให้พนักงานออกไปทำในลักษณะดังกล่าวกับลูกค้าคนอื่นที่ด้อยโอกาสอีก นายสนั่น ย้ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน