ฝากขังสาว ครอบครอง เสื้อต้องห้าม ทนายเผย วรรณนภา ไม่เคยยุ่งการเมือง !

ฝากขังสาว – เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ กองปราบปราม พ.ต.ท.เสวก บุญจันทร์ รอง ผกก.(สอบสวน). กก.1บก.ป. เบิกตัว นางวรรณนภา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “อั้งยี่” ไปฝากขังยังศาลอาญา เป็นผัดแรก

หลัง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นำตัวมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวนกองปราบดำเนินการตามกฎหมายเมื่อเย็นวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ามีการครอบครองเสื้อยืดโปโลสีดำที่มีแถบป้ายสีขาวแดงที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์แบ่งแยกการปกครอง”สหพันธรัฐไท” เสื้อต้องห้าม บริเวณหน้าอกจำนวนหนึ่ง

______________________________________________________________________

______________________________________________________________________

ด้าน น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน ซึ่งเดินทางมาเป็นฝ่ายกฎหมายให้กับนางวรรณนภา เปิดเผยว่า นางวรรณนภา ดูมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดเจนจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้เหมือนปกติ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้นำอาหารไปให้ แต่นางวรรณนภาปฏิเสธ ที่จะรับประทานเนื่องจากมีอาการปวดหัวไมเกรน แต่พอหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำในวันนี้อาการเริ่มดีขึ้นสามารถรับประทานอาหารและดื่มนมกล่องได้บ้างเล็กน้อย

น.ส.ภาวินี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนในชั้นสอบสวน ตนทราบเพียงว่าทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางวรรณนภา 2 ข้อหา ประกอบด้วย อั้งยี่ และ ยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ซึ่งนางวรรณนภา ยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ฝากขังสาวครอบครอง เสื้อต้องห้าม

ฝากขังสาวครอบครอง เสื้อต้องห้าม

เนื่องจากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าสัญลักษณ์บนเสื้อดังกล่าวมีความหมายอย่างไร และไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง เพราะเป็นเพียงแค่วินจักรยานยนต์รับจ้างทั่วไป แต่ที่มีเสื้อไว้ในครอบครองนั้น เพราะรับเสื้อดังกล่าวมาจากมารดาอีกที เพื่อนำไปส่งให้กับบุคคลตามรายชื่อที่มารดากำหนดมาให้เท่านั้น

และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ทางมารดาจะเป็นผู้โอนเงินมาให้ ซึ่งที่ผ่านมานางวรรณภาเองก็ทำมาหลายครั้งแล้ว จึงไม่ทราบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนเสื้อครั้งนี้ที่ถูกทหารยึดไปมี 400 ตัว

นางวรรณนภา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องประกันตัวตนคิดว่าศาลน่าจะเมตตา เพราะข้อเท็จจริงแล้วตัวผู้ต้องหาไม่ได้มีแนวคิดที่จะปลุกปั่น หรือแนวคิดทางการเมืองหรือมีความรู้เกี่ยวกับสหพันธ์รัฐไทย เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลอินเตอร์เน็ตไม่พบพฤติกรรมการติดตามเพจการเมืองหรืออะไรเลย เพียงแค่ดูการ์ตูน ดูหนัง ฟังเพลงธรรมดา

ตอนนี้เบื้องต้นเราได้เตรียมเงินไว้ 1 แสนเพื่อเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว จากกองทุนช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองที่เขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าศาลจะตั้งเงินประกันเท่าไหร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน