รองผบ.ตร. พร้อม ‘บิ๊กโจ๊ก’ นำทีมสอบเครียด 3 ขรก.ยุติธรรม 3ตร. กับอีก 1 พลเรือน ผู้ต้องหา โกงเงินสหกรณ์ ตร.เลย เครือข่าย‘ผู้การสุทิพย์’ เร่งเช็กเส้นทางการเงิน เพื่อติดตามยึดทรัพย์
โกงเงินสหกรณ์ / เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ยังคงทำการสอบปากคำ 7 ผู้ต้องสงสัย ประกอบด้วยอดีตข้าราชการ รวมทั้งหมด 6 คน และนักธุรกิจ 1 คน
บิ๊กตร.แถลงคืบหน้าคดี
หลังพบว่ามีส่วนพัวพันคดีแชร์ลูกโซ่และ โกงเงินสหกรณ์ ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล อดีต ผบก.ภ.จ.เลย ที่โกงเงินโครงการกู้รวมหนี้วงเงินกว่า 299 ล้านบาท
ซึ่งถูกดำเนินคดีไปแล้วพร้อมพวกรวม 4 คน ต่อมาภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเข้าค้น 12 จุดและตรวจ ยึดทรัพย์ มากกว่า 100 ล้านบาท โดยในการสอบปากคำดังกล่าวนี้นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในห้องการสอบสวน
รองผบ.ตร.นำทีม
เผยมีอดีตขรก.ยุติธรรมด้วย
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 7 คนที่เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนวันนี้ 3 คน เป็นอดีตข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในการดำเนินการสอบสวนนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
เพราะการทุจริตดังกล่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยมีข้าราชการตำรวจและประชาชนเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกันหว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย ต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการเอาผิดผู้ที่ก่อเหตุให้ได้ทั้งหมด
ตามยึดทรัพย์(แฟ้มภาพ)
“วันนี้เราทำงานร่วมกับ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาของเงิน เพราะเส้นทางการเงินเมื่อตรวจสอบแล้ว จะพบว่าได้มาจากใคร ถ่ายโอนให้ใคร หรือส่งมอบให้ใคร ทั้งหมดจะต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด โดยเฉพาะการโอนเงินในยอดสูงๆ ถ้าตอบไม่ได้ก็ถูกยึดอายัดไว้ ซึ่งปปง.ได้ส่งคณะทำงานมาร่วมดำเนินคดีในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการตั้งทีมพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกันกับ บช.ภ.4 ทำให้ความคืบหน้าทางคดีนี้นั้นมีความคืบหน้าอย่างมาก” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ตามยึดทรัพย์ (แฟ้มภาพ)
เร่งตามยึดทรัพย์คืน
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แต่กระบวนการเยียวยานั้นจะต่อเนื่องจากการดำเนินคดี ดังนั้นวันนี้เราต้องติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาให้ได้ให้มากที่สุด ขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงของการยึดอายัด ที่ผู้ที่ครอบครองหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ จะต้องนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดง และชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ให้ได้รับทราบ โดยมีระยะเวลา 30 วัน หลังจากทำการยึดอายัด
หากไม่สามารถชี้แจงได้จะตกเป็นของกลางในคดีจนกว่าการดำเนินคดีจะแล้วเสร็จ ดังนั้นเมื่อประชาชนเดือดร้อน ตำรวจจะเร่งรัดการดำเนินการในภาพรวม แต่ต้องรอบคอบ ซึ่งในการสอบสวนต้องใช้เวลา และต้องทำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
ตามยึดทรัพย์(แฟ้มภาพ)
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับผู้ต้องหา 6 รายวันนี้นั้น เป็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ราย และพลเรือนซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวของพล.ต.ต.สุทิพย์เอง
